เมื่อวันที่ 7 ก.พ.นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายและอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

แค่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ชักกระบี่วิเศษก็สะเทือนสะท้านไปสี่ทิศ

1.กรณีข่าวคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ของสภาที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นประธานตรวจสอบว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จาก ปชป. โดยใช้มาตรการทางภาษีอากรเข้าจับ โดยเปรียบเทียบกับการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้กับทรัพย์สินที่มีอยู่ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรก จึงเปรียบเทียบว่าเป็นการพบกระบี่วิเศษที่สามารถปราบคนโกงแผ่นดินอย่างได้ผล ปรากฏว่าได้เกิดผลสะเทือนสะท้านไปถึงสี่ทิศ

2.ทิศที่หนึ่ง กระเทือนไปถึงหน่วยงานเดิมที่ผู้ถูกสอบเคยสังกัดและพล่านกันทั้งหน่วยขณะนี้ เพราะมีการนำข่าวออกเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าในห้วงเวลาไม่กี่ปีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มีการประมูลงานถึง 20,000 โครงการเป็นวงเงินหลายพันล้านบาทและมีข่าวคราวพิกลออกมาเป็นจำนวนมากจนต้องพล่านกันทั้งหน่วยงานเพราะเกรงว่าการตรวจสอบจะลามมาถึงและจะลากเอาคนอีกหลายคนไปสู่ ป.ป.ช. หรือศาลอาญาคดีทุจริต

3.ทิศที่สอง คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพราะอดีตผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้เปิดเผยว่าเคยจัดตั้งสำนักตรวจสอบภาษีขึ้นใน สตง. เพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบเกี่ยวกับเงินได้และการดำเนินโครงการของรัฐที่มีการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน โดยอดีตประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้ยืนยันเรื่องนี้ แต่ปรากฎว่าผู้บริหารระดับสูงได้สั่งยกเลิกสำนักงานตรวจสอบภาษีดังกล่าวเสียในยุครัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งอาจนำไปสู่การตรวจสอบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะทำให้การตรวจสอบการใช้เงินแผ่นดินไม่สมบูรณ์

4.ทิศที่สาม คือ กรมสรรพากร เพราะมีข่าวว่า สตง. ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐ 100 คน พบว่าเสียภาษีไม่ครบถ้วนตามจำนวนทรัพย์สินที่มี จึงแจ้งให้กรมสรรพากรตรวจสอบตามประมวลรัษฎากรและระบุว่ายังไม่มีการตรวจสอบ แต่เชื่อว่าอธิบดีกรมสรรพากรท่านปัจจุบันนี้เป็นข้าราชการตงฉินเอาใจใส่ในราชการและเป็นเชื้อสายขุนนางตงฉินมาแต่ก่อน ย่อมไม่ทำให้เสียราชการ คงจะมีการดำเนินการถ้าหากมีการแจ้งจาก สตง. จริง ซึ่งเป็นอำนาจที่จะตรวจสอบย้อนหลังได้ตามประมวลรัษฎากรแต่อาจต้องใช้เวลาบ้างซึ่งไม่นานนัก

5.ทิศที่สี่ คือ ป.ป.ช. เพราะแนวทางการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ของสภาเป็นมิติใหม่ที่เห็นผลชัดเจนโดยง่ายและอย่างรวดเร็วว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ โดยเพียงแค่เอาแบบยื่นเสียภาษีในช่วงระยะเวลาที่มีทรัพย์สินว่ามีเงินได้เท่าใด ถ้ามีเงินได้น้อยกว่าก็แสดงว่ามีเงินได้ที่นำไปเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินนั้นยังไม่ได้เสียภาษี ซึ่งต้องถือว่าเป็นการร่ำรวยผิดปกติและอาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตด้วย ถ้าใช้มาตรการแบบนี้ก็จะปราบปรามพวกโกงบ้านกินเมืองได้ชะงัดในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องไปเสียเวลาสืบหาข้อเท็จจริงที่ยากแสนยากให้ลำบากและเสียเวลา

ผลกระทบที่เป็นของแถมก็คือผลการตรวจสอบครั้งนี้อาจกระทบต่อการสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ของผู้ถูกตรวจสอบ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็หาควรทุ่มตัวไปประกันหรือโยกให้ไปสอบโดยหน่วยงานอื่นจนออกนอกหน้าประเดี๋ยวจะเสียเชิง

เพราะถ้ารู้ว่าใครเป็นคนร้องเรื่องนี้ก็จะหนาว!!! เนื่องจากการเจาะข่าวเชิงลึกมีเค้าว่าเขาคือ 1 ใน 3 ของมือพระกาฬที่ลงมือพิฆาตใครแล้วไม่เคยพลาด

3 มือพระกาฬเป็นใครก็คงไม่พ้น วีระ สมความคิด เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และณฐพร โตประยูร เพราะแม้แต่พรรคการเมืองหรือระดับนายกรัฐมนตรีก็ดับดิ้นภายใต้คมกระบี่ของมือพระกาฬเหล่านี้มาแล้ว

ไม่เกิน 7 วันคอยฟังข่าวใหญ่ให้ดีก็แล้วกัน