ต้องบอกว่าสภาพรัฐบาลตอนนี้อ่อนแอ ส่งผลสะเทือนต่อเชิงบริหาร และงานนิติบัญญัติ แนวร่วมแตกกระเจิง มิตรสหายกลายเป็นศัตรู ตามสัญญาณอาการสะท้อนผ่านการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 สนามที่ผ่านมา อำนาจบารมี “ผู้นำ” ไม่เข้มขลังเหมือนเดิม หรือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะต้องอยู่ทำหน้าที่ต่อไปจนพังคาเก้าอี้ ไม่สนกระแสการเมือง ไม่สนกระแสประชาชน

ทว่าแม้แต่ป้อมค่ายการเมือง ก็ระหองระแหงหนัก หมดเวลาเกรงใจกัน จ่อชิ่งหนีทั้งวงใน วงนอก พรรคร่วมรัฐบาลหรือแม้แต่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฐานบัญชาการหลักที่หามเสลี่ยงมาเป็นนายกฯรอบสอง เล่นเกมบ่อนไซ สนิมเนื้อในกัดกร่อน ทิ้ง “ผู้นำ” ไว้เบื้องหลังอย่างโดดเดี่ยวและวังเวง จนยืนระยะแทบไม่ไหว ไม่รู้จะลากถูไปได้อีกไม่นานแค่ไหน ตามสภาพล้อจังหวะฝ่ายค้าน ออกมาแห่ฟันธงรัฐบาลถึงทางตัน อยู่ได้ไม่เกินกลางปี 2565 

ดังนั้นเมื่อ “พลังประชารัฐ” กระแสตก ย่อมส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของ “บิ๊กตู่” ให้ตกตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พรรคสำรองจึงเป็นทางเลือกใหม่และทางออกที่จะช่วย “บิ๊กตู่” หากมีการล้างกระดานการเมือง ไล่ตั้งแต่ “พรรคไทยสร้างสรรค์” กำลังถูกจับตาว่าจะเป็นทางเลือก โดย “เสี่ยตั้น” ณัฐฏพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ และแกนนำ กปปส. คนคุ้นเคย ที่ช่วงหลังขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าอยู่บ่อยๆครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวพยายามเซตอัพพรรค “ไทยสร้างสรรค์” เพื่อรองรับหาก พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจไม่ไปต่อกับ “พลังประชารัฐ”

อีกพรรคที่ถูกจับจ้อง “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ภายหลัง “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และ “ปรพล อดิเรกสาร” อดีต ส.ส.สระบุรี โบกมือลาออกจากการเป็นสมาชิก “พลังประชารัฐ” ท่ามกลางกระแสข่าว “บิ๊กเนม” หลายคนเริ่มเดินสายทาบทามนักการเมืองเข้าร่วม โดยมี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่คอยบัญชาการเกมอยู่ข้างหลัง ซึ่งอาจใช้เป็นพรรคสำรอง หากแบรนด์ “พลังประชารัฐ” คะแนนนิยมเสื่อมจนยากจากฟื้นฟู

แว่วๆว่าจะใช้โมเดลเดียวกับพลังประชารัฐ คือ “โมเดลดูด” ดูด ส.ส. และดึงนักการเมืองเกรดเอ จากทุกพรรคทั้งคนเก่าและคนใหม่ เข้าสังกัดให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้ ส.ส.เข้าสภา ยกมือโหวตนายกฯ ซึ่งช่วงหลังมีข่าวว่า ส.ส.เกรดเอ และนักการเมืองรุ่นเก๋าใน พปชร. เตรียมหาทางเลือกใหม่เช่นกัน เพื่อสังกัดพรรคใหม่ในอนาคตที่มั่นคงกว่า ไม่ต้องลุ้นกับสถานะ “พรรคเฉพาะกิจ” ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

เกมนี้ “บิ๊กตู่” ต้องเป็นผู้เลือกเส้นทางว่าชะตากรรมอนาคต “พลังประชารัฐ” จะได้ไปต่อ หรือเป็นแค่ ”พรรคเฉพาะกิจ” ที่มีจุดจบเหมือนหลายพรรคในอดีตที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “ผู้นำ” จะกล้าแตกหัก ยอมพังทั้งกระดานหรือเลือกประนีประนอม ลงเรือลำเดียวกันต่อไป เพราะถึงตอนนี้ต้องยอมรับว่าชื่อ “บิ๊กตู่” ขายออกลำบาก ฝืนใช้โลโก้ลุงลงสนามปิดประตูชนะแน่นอน.