“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานสถานการณ์เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนครึ่งที่ 32.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติ โดยระหว่างวันที่ 7-11 ก.พ. มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยสูงถึง 4.2 หมื่นล้านบาท และ 4.7 หมื่นล้านบาทตามลำดับ รวมแล้วกว่า 9 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดีกรอบการแข็งค่าของเงินบาทเริ่มชะลอลงในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากเงินดอลลาร์ ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่เงินเฟ้อสหรัฐ แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีที่ 7.5% ในเดือน ม.ค. ซึ่งหนุนให้ตลาดประเมินโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเฟด มี.ค.นี้ ทั้งนี้ในวันศุกร์ (11 ก.พ.) เงินบาทปิดตลาดที่ 32.68 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (4 ก.พ.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (14-18 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.40-33.10 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคานำเข้าและราคาส่งออก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และยอดขายบ้านมือสองเดือน ม.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย เดือน ก.พ. ตลอดจนรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 25-26 ม.ค. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/64 ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น และอังกฤษ ด้วยเช่นกัน