เมื่อวันที่ 12 ก.พ. นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า โรคเบื่อกำลังแซง Omicron น้ำมันรั่วอีกจนได้ คราวนี้ 5,000 ลิตร เป็นน้ำมันที่ค้างท่อที่ชำรุดอยู่เดิมซึ่งยังคงฝังไว้ใต้ทะเล (คงลืมเอาออกมั้ง) คนของบริษัท Star Petroleum Refining ไปรื้อท่อโดยยังไม่ได้ขออนุญาตกรมเจ้าท่าซึ่งเขาเคยมีคำสั่งให้ปิดไว้ และลืมขออนุญาตตำรวจเพราะท่อถือเป็นหลักฐานคดีที่ยังฟ้องร้องกันอยู่ แต่มาความแตกเมื่อกรมควบคุมมลพิษ เขาไม่ยอมให้ใช้สารเคมี dispersant จำนวนมากมายพ่นลงทะเลเพิ่มเติมไปกว่าเดิมอีก ลูกน้องผมเล่าว่า บริษัทมาอ้างเจ้าหน้าที่กองทัพเรือจะช่วยใช้ Helicopter บินไปพ่นให้ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเลย ที่จริงต้องเอา Boom ล้อมไว้แล้วดูดน้ำมันออก ไม่ใช่ใส่สารเคมีเพื่อให้น้ำมันจม

เพราะในที่สุดก็จะมีผลกระทบต่อชายฝั่ง ประเทศไทยนี่แปลกมีคนใหญ่คนโตเยอะจริง ๆ เรื่องคอขาดบาดตายซ้ำซากแบบนี้ นายกฯ จะอยู่แต่บนหอคอยงาช้างอีกไม่ได้แล้ว นี่คือเหตุผลหนึ่งที่คนเขาเบื่อไม่เอาท่านไง สมัยผม นายกฯ มอบอำนาจเด็ดขาดให้รองนายกฯ สั่งการในพื้นที่ของสถานการณ์คนเดียวเลย ต่างกับปัจจุบัน นายกฯ เลือกสั่งการตามที่โฆษกอธิบายแทนการมอบหมายให้บุคคลระดับสูงกว่ารัฐมนตรีลงไปสั่งการอยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากกว่า

สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไปประชุมกรรมาธิการเรื่องหมูและเรื่องแก้ไขกฎหมายเดินเรือไทยที่สภาฯ บ่อยมากถึงอาทิตย์ละ 3 วัน จึงมีโอกาสได้คุยกับเพื่อน ส.ส.เก่ารุ่นโต ๆ จากทั้งฟากรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทุกคนบ่นเหมือน ๆ กันคือ เบื่อและไม่พอใจนายกฯ ประยุทธ์ เขาบอกว่า พวกเขาช่วยกันเบี้ยวการประชุมเอง (กรณีไม่ใช่กฎหมายสำคัญ) เพื่อให้นายกฯ ใส่ใจต่อสภาผู้แทนราษฎรบ้าง ไม่ใช่ทำตัวลอยอยู่เหนือปัญหา โดยอ้างว่า เป็นเรื่องการเมือง ไม่อยากยุ่งเกี่ยว ตัวนายกฯ อยากจะทำงาน (เพื่อชาติ) อย่างเดียว พวก ส.ส. เขาฟังไม่ขึ้น คราวนี้ท่านนายกฯ เข้าใจหรือยังว่า ทำไมสภาฯ ล่มถึง 17 ครั้ง ผมถามพวกเขาว่า ไม่กลัวยุบสภาหรือ ทุกคนบอกว่า มันเหลืออดแล้ว ยุบก็เลือกใหม่ไม่เห็นเป็นไร แต่นายกฯ ประยุทธ์ไม่ได้เป็นอีกแน่

คราวนี้มาถึงเรื่องบอยคอต ครม. ผมพยายามทบทวนความจำ ซึ่งผมมั่นใจว่า เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย สำหรับผม 4 ปี ผมขาดประชุม ครม. เพียงครั้งเดียว เพราะท่านนายกฯ ใช้ให้ไปต่างประเทศ ผมจึงกระซิบถามบางท่านซึ่งสนิทกัน (ยอมเผยความลับ) เขาบอกว่า เซ็งนายกฯ คนนี้มาก เพราะหลายครั้งแล้วที่ชอบลอยตัวอยู่เหนือปัญหา (อีกแล้ว!) ไม่ยอมมาพูดคุยถกแถลงกันอย่างตรงไปตรงมา เช่น เรียกคนที่เห็นต่างมาคุยกันต่อหน้า เลือกที่จะเชื่อเฉพาะพวกพ้อง โดยเฉพาะจากสายทหารด้วยกัน หรือไม่ก็พวกเจ้าสัวชื่อเสียงโด่งดังทั้งหลายเพราะคิดว่า เป็นกูรูเศรษฐกิจ เขาก็เลยตัดสินใจไม่ร่วมประชุมให้รู้สึก (สำนึก) เสียบ้าง และอีกอย่างก็คือ ไม่อยากจะร่วมสังฆกรรมในวงอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่จะมาถึง และต่อ ๆ ไปด้วย

ท่านนายกฯ ประยุทธ์ที่เคารพครับ สภาฯ เขาก็เบื่อ คณะรัฐมนตรีเขาก็เบื่อ ประชาชนจากการเลือกตั้งล่าสุด 3 ครั้ง ก็แสดงความเบื่อออกมาชัดเจน ท่านช่วยเบื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสักคนสิครับ เรื่องมันจะได้จบเสียที เปรียบหมากรุก ตอนนี้โคน ม้า เรือก็ถูกกินเรียบแล้ว เหลือแต่เบี้ยอย่างเดียว มันจะสู้ไหวหรือ?