เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีรัฐบาลได้จัดให้มีโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ขึ้น โดยเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา และสามารถใช้เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. เป็นต้นไปนั้น ในส่วนของ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายของบรรดานักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เขาค้อ และภูทับเบิก อ.หล่มเก่า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมชื่อดังของจังหวัด

อย่างไรก็ตามจนถึงวันนี้กลับไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการดังกล่าวมากนักตามที่คาดการณ์เอาไว้ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากโรงแรม รีสอร์ท และที่พักต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้าพัก ส่วนมากจะตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าไม่มีเอกสารสิทธิและยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ในขณะที่ โรงแรม รีสอร์ท ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่มีเอกสารสิทธิ ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง แต่กลับไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว จึงทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าร่วมใช้บริการกับโครงการดังกล่าวได้

โดยนายวุฒิชัย โรจน์ทิพยรักษ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้จัดให้มีโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ในส่วนของ โรงแรม รีสอร์ท และที่พักต่างๆ ปรากฏว่ายังไม่มีผู้เข้ามาใช้บริการในโครงการนี้ ทั้งนี้เนื่องจากสถานที่พักส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตป่าและยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภูทับเบิก ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้เลย อีกส่วนในพื้นที่ อ.เขาค้อ ก็มีเพียงไม่กี่แห่ง ที่อยู่ในโซนมีเอกสารสิทธิ แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว จึงทำให้โครงการดังกล่าวค่อนข้างเงียบเหงา

“หากรัฐบาลมีการบริหารจัดการในพื้นที่ อ.เขาค้อ และภูทับเบิก ไม่ว่าจะให้ผู้ประกอบการเช่าหรืออย่างไรก็แล้วแต่ เชื่อว่ารัฐบาลจะมีรายได้จำนวนมหาศาล ยกตัวอย่างเช่นในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวจ.เพชรบูรณ์ ประมาณ 2 ล้านคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 6,000 บาท รวมเป็นเงินสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท และหากเก็บภาษีจากตรงนี้ได้ ก็จะสร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลเป็นจำนวนมาก จึงอยากจะให้รัฐบาลทบทวนและเร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่ อ.เขาค้อ และภูทับเบิก ให้ได้โดยเร็วที่สุด” นายกสมาคมท่องเที่ยวฯ กล่าว