รัฐนาวาภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางมาถึงโค้งน้ำสำคัญ นั่นคือการฝ่าด่านศึกอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ระหว่างวันที่ 17-18 ก.พ.

คอการเมืองรู้ดี ศึกอภิปรายนัดนี้ เป็นแค่เวทีอุ่นเครื่องประจานความล้มเหลวรัฐบาล แต่จุดชี้เป็น-ชี้ตายสำคัญจริงๆ คือช่วงเปิดสมัยประชุมสามัญตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.-18 ก.ย. ที่ฝ่ายค้านเตรียมเปิดศึกใหญ่เปิดอภิปรายแบบลงมติไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ทิ้งทวนครั้งสุดท้าย ก่อนรัฐบาลครบวาระเดือน มี.ค.2566

ประเด็นที่ต้องจับตามองคือ หาก พล.อ.ประยุทธ์ คุมแรงกระเพื่อมภายในพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ สถานการณ์การเมืองจะพลิกขั้วบีบให้เหลือเพียง 3 ตัวเลือกคือ (1) ชิงประกาศยุบสภา (2) ลาออกจากตำแหน่ง หรือ (3) ถูกสภาลงมติไล่ออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประยุทธ์ รู้ดีหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ตัวเองมีอัตราอยู่รอดในสมรภูมิการเมือง จำเป็นต้องอาศัยกองหนุนที่ไว้ใจได้-ไม่ฉวยโอกาสแทงข้างหลัง จึงเป็นที่มาของรายงานข่าวภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ท่านผู้นำปิดห้องคุย 4 รัฐมนตรี หนึ่งในนั้นคือ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)

ในวงหารือ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับสถานการณ์การเมืองเหลือทางเลือกไม่มาก พร้อมกับเอ่ยปาก “หนูช่วยหน่อยนะ” ขณะที่ หัวหน้าพรรค ภท. กางโพยโชว์มีเสียง ส.ส.ที่พร้อมหนุน รัฐบาลไม่น้อยกว่า 260 เสียง ซึ่งตอนนี้สภา มี ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่ 475 คน 50% คือ 238 คน

สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวจากฝั่ง นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ร่วมสนทนาในรายการ Care Talk x Care ClubHouse ออกมายอมรับตอนนี้มี ส.ส.ฝ่ายค้าน รับเงินอัดฉีด 20-30 ล้านบาท เพื่อย้ายขั้วไปอยู่กับ ฝ่ายรัฐบาล

“วันนี้ผมได้ข่าวมาว่า นักการเมืองฝ่ายค้านโดนอัดฉีดย้ายพรรคกันเยอะ เพราะเห็นนักการเมืองฝ่ายค้านไปแอบร่วมประชุมกับ ส.ส.รัฐบาล ไม่รู้ไปเอาเงินมาจากไหน ผมอยู่ดูไบแต่รู้หมดนะ ถ้าเอารายชื่อ 260 ส.ส.มากางเนี่ย ผมก็จิ้มถูกตัวหมดนะ ไม่ใช่ไม่รู้ วันนี้นายกฯ ปล่อยให้นักการเมืองเละเทะ กินกันฉิบหายหมด” นายทักษิณ กล่าวช่วงหนึ่ง


เอาเป็นว่าฟันธงล่วงหน้า ชะตากรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากนี้ จุดชี้เป็น-ชี้ตาย ขึ้นอยู่กับ 260 เสียง ในสภาตามโพยของ เสี่ยหนู-อนุทิน

แต่หากเกิดรายการช็อกซีนีม่า เมื่อถึงเวลาจริงไม่สมราคาคุยเท่ากับ พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกไล่ต้อนให้เหลือเพียงทาง 3 แพร่งคือ ยุบสภา, ลาออก หรือ ถูกไล่ออก

หากเป็นกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยุบสภา ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 103 กกต. ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรบังคับใช้

แต่หากเป็นกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก หรือถูกไล่ออกจากการลงมติไม่ไว้วางใจ จะส่งผลให้ ครม.ต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ จากนั้นต้องดำเนินการตามมาตรา 189, มาตรา 159 เลือกนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง ตามมาตรา 88

หากสถานการณ์ไหลไปถึงจุดนั้น พรรค ภท. มีชื่อ เสี่ยหนู-อนุทิน สแตนด์บายอยู่ในบัญชีพรรค พร้อมรอเสียบเป็นนายกรัฐมนตรี “ส้มหล่น” โดยอาศัยจุดแข็งประสานงานได้ทุกขั้ว ลอยตัวอยู่เหนือขัดแย้ง เทิดทูนสถาบัน ตามสโลแกน “ที่ไหนมีโอกาส…ที่นั่น มีอนุทิน”!

“ขุนไพร พิเคราะห์การเมือง”