เมื่อเวลา​ 11.45 น. วันที่ 18 ก.พ. ที่รัฐสภา นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผอ.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา​ ว่า​ ที่มีการกล่าวหาว่าตนเนรคุณนั้น​ ตนได้เล่านิทานพงศาวดารไปแล้วว่าที่มาที่ไปคืออะไร ถามว่าหากเป็นนักรบคนนี้จะถวายหัวให้กับคนที่เห็นคุณค่า หรือแม่ทัพที่เป็นอัลไซเมอร์ เป็นนิทานที่สอนให้คิด คนชลบุรีเขารู้ แต่ตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ เพราะไม่คิดที่จะพูด แต่พอมีเรื่องที่พุ่งเป้ามาที่ตน เราต้องชี้แจง ไม่อย่างนั้นจะมองว่าเป็นอย่างที่เขาพูด ส่วนศึกนี้จะจบอย่างไรนั้น ก็ไม่ต้องจบอย่างไร แต่จะพิสูจน์ว่าพี่น้องประชาชนจะช่วยใคร อยากจะส่งเสริมใครให้เป็นตัวแทนของเขา​ ก็เจอกันที่ศึกครั้งหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่า การโพสต์ไปมาแบบนี้เป็นการแตกหักกับบ้านใหญ่ชลบุรีใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เขาไม่ได้อยู่กับทางนี้อยู่แล้ว ส.ส.ชลบุรี รู้อยู่แล้วว่าฝั่งไหนเดินทับหาเสียงเขตเขาอยู่ ตนในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ ได้รับสั่งการจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้จัดผู้สมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้า​ ซึ่งได้มีการเจรจาไปยังฝั่งคนสนิทของเขาหลายคนว่าเอาอย่างไร แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จนระยะเวลาทอดยาว และมีเหตุการณ์ที่คนใกล้ตัวของเขามาเดินทับเขต ส.ส.​ของพรรค ส.ส.จึงมีความรู้สึกที่ไม่มั่นคง ดังนั้น​ ต้องมีความชัดเจน

นายสุชาติ​ กล่าวว่า​ จะทำงานถวายหัวให้กับคนที่ดูแลและชุบเลี้ยงตน และตนเคยช่วยเหลือดูแลถวายชีวิต ซึ่งมันจบไปแล้ว แต่เราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เหมือนน้อง ไม่มีความคิดที่จะอะไรกับเขา แต่ครั้งนี้ไม่ทราบว่าเกิดเหตุจากคนใกล้ตัวหรือไม่ ไปพูดต่างๆ นานา จนเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ เพราะตนไม่ได้ตั้งธงที่จะไปสู้รบกัน

“ผมคิดว่าทางการเมือง มันไม่ใช่ธุรกิจครอบครัวของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง มันเป็นเรื่องความศรัทธาของพี่น้องประชาชน ว่าจะเลือกใครเป็นผู้แทนของท่าน คือเสียงของประชาชน จะมาบอกว่าเราสร้างอาณาจักร อาณาจักรไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว ถามว่า ความหมายอาณาจักรไปสร้างเพื่ออาณาจักรธุรกิจหรือ ผมสร้างอุดมการณ์ร่วมกันกับผู้นำ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง เรารวมตัวกันด้วยการรักประเทศชาติบ้านเมือง” นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ​ กล่าวต่อว่า เราไม่สามารถบังคับให้คนหลายๆ คนมาร่วมอุดมการณ์เดียวกันกับเราได้ถ้าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน และยืนยันว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่เล่านิทานให้ฟังเพื่อให้คิดว่าหากเป็นสื่อจะสู้ถวายหัวให้ใคร ส่วนที่มีการเปรียบเปรยว่าตนเป็นหมา ยืนยันว่าตนไม่ใช่หมา แต่ขอเป็นนักรบในนิทานแล้วกัน ขณะที่ตนก็เป็นคนเลี้ยงหมา หมานั้นรักเจ้าของ รักลูกเจ้าของ และไม่กัดเจ้าของ แต่พอเจ้าของได้จากไป ถามว่าลูกเจ้าของเลี้ยงหมาตัวนั้นอย่างไร อดอยาก ทุบตี ไม่ให้ความรัก อยู่ๆ ไปปล่อยวัด จะมาบอกว่า มีคนเอาหมาไปเลี้ยง แล้วว่าหมาตัวนั้นเนรคุณ มันไม่ใช่อยู่แล้ว​ เพราะตนไม่ใช่หมา ย้ำว่านิทานยังมีอีกหลายตอน ส่วนจะมีภาค 2 หรือไม่ ตนหยุดแล้ว แต่ถ้าเขาไม่หยุดก็มี

เมื่อถามถึง การวางตัวผู้สมัคร​ ส.ส.​10​ เขตของ จ.ชลบุรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น​ นายสุชาติ​ กล่าวว่า ได้วางตัวครบหมดแล้ว ตอนนี้รอเพียงนายอิทธิพล​ คุณปลื้ม​ รมว.วัฒนธรรม ซึ่งเว้นไว้ 1 ที่ เพราะนายอิทธิพลกับตนเหมือนพี่น้องกัน ส่วนตัวไม่มีอะไรกัน ยืนยันว่า ความขัดแย้งกันในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องการวางผู้สมัคร ส.ส.ไม่ลงตัว เพราะเขาอาจจะมีทางที่จะไปก่อนหน้านี้แล้วตามข่าว ซึ่งไม่สามารถไปพูดแทนเขาได้ แต่การที่ไปทับเขต ส.ส.เดิมถือเป็นมารยาท

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้สอบถามเรื่องนี้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคให้ตนทำตามภารกิจหน้าที่อยู่แล้ว ต้องดูแลในส่วนของผู้สมัคร หากตนไม่มีผู้สมัครเตรียมไว้เท่ากับบกพร่องในหน้าที่ ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านใหญ่ชลบุรีนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเขตพื้นที่มากกว่าในทางการเมือง และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หากความเห็นไม่ตรงกัน​ ก็ไม่ต้องพูดถึงกัน ต่างคนต่างอยู่คนละพรรค แข่งกันด้วยความศรัทธา แค่นั้นก็จบแล้ว และยืนยันว่า ส.ส.ชลบุรี​ ของพรรคพลังประชารัฐทุกคน ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เพราะทุกคนสนับสนุน​ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีตามไปทางโน้นสักคน และคนที่เป็น ส.ส.เก่าจะถูกส่งลงสมัครทุกคนเช่นเดียวกัน ส่วนในเขตที่ไม่มี ส.ส. เรามีตัวผู้สมัครเตรียมไว้แล้ว

เมื่อถามว่า​ จะกลับมาทำงานด้วยกันได้อีกหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ในทางการเมืองถ้าด้วยจิตสำนึกที่คำนึงถึงบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องของส่วนตัว มาคุยได้หมดทุกอย่าง ตนเป็นน้อง​ ไม่ได้อยากมีปัญหากับพี่ๆ

เมื่อถามว่า อยากเคลียร์หรืออยากคุยหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ไม่อยาก เพราะตนวางตัวผู้สมัครไว้หมดแล้ว จะได้พิสูจน์กันว่าพี่น้องชลบุรีจะได้มีการเปลี่ยนแปลง หรือจะเป็นการเมืองแบบเดิมๆ.