เมื่อวันที่ 18 ก.พ. รัฐสภา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมด้วยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคภูมิใจไทย  ร่วมแถลงชี้แจงถึงกรณี นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาโจมตีเรื่องการฉีดวัคซีนซิโนแวคให้กับเด็กว่าเสี่ยงที่จะได้รับผลข้างเคียง ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่พิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

โดย นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การอภิปรายเกี่ยวกับวัคซีนในเด็กที่อาจทำประชาชนเข้าใจผิด ตื่นตระหนก และวิตกกังวลได้ว่า วัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาใช้ไม่ปลอดภัยและไม่มีประสิทธิภาพนั้น ยืนยันวัคซีนที่นำมาใช้กับเด็กมีการระมัดระวังอย่างมากในการพิจารณา รวมทั้งมีการวิจัยถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพอย่างรอบด้าน ซึ่งฉีดบนพื้นฐานวิชาการไม่ใช่เป็นหนูทดลอง และไม่ได้เป็นการบังคับฉีดแต่อย่างใด 

ด้านเลขาธิการฯ อย. กล่าวว่า  ยืนยันว่าวัคซีนซิโนแวคที่นำมาใช้ในเด็ก 6-18 ปีนั้น มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อย่างที่ทราบกันดีว่า ซิโนแวคเป็นวัคซีนเชื้อตายที่วงการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขใช้มานานแล้ว ขณะที่การพิจารณาขึ้นทะเบียนมาใช้ในเด็ก 6 ปีที่ อย. อนุญาตนั้น ก็ใช้ข้อมูล 3 เรื่องใหญ่ในการพิจารณา ได้แก่ เรื่องคุณภาพ ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ซึ่งมีข้อมูลจากต่างประเทศที่มีการใช้จริงในเด็ก 6 ปีขึ้นไป ผลออกมาว่าสามารถลดการติดโรค ลดการเข้าโรงพยาบาลและลดการเสียชีวิตได้ นอกจากนี้กำลังติดตามเพื่อยืนยันวัคซีนโมเดอร์นาอีกด้วย

ขณะที่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องข้อมูลโควิดมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้หลายคนยังติดกับข้อมูลเก่าจึงอาจคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวล ซึ่งจากผลการฉีดวัคซีนไป 100 ล้านโดส ตั้งแต่ มิ.ย.เป็นต้นไป ผลปรากฏว่าสามารถป้องกันการเสียชีวิตไปอย่างน้อย 25,000 คน แสดงให้เห็นว่านโยบายรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขในการฉีดวัคซีนสามารถปกป้องประหยัดชีวิตคนไทยได้ ขณะเดียวกันก็ลดผู้ป่วยหนักเข้าไอซียูได้เป็นแสนคน แสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนของรัฐบาลได้ผลที่ดี ส่วนวัคซีนซิโนแวค หลายคนยังติดคำเดิมในการด้อยค่าวัคซีน ยืนยันว่าวัคซีนซิโนแวค ช่วยชีวิตคนไทย โดยเฉพาะในช่วงแรกได้เป็นอย่างดี และหลังจากนี้เราคาดไม่ได้ว่าจะมีเชื้อกลายพันธุ์อีกหรือไม่ แต่แม้มีสายพันธุ์ใดเปลี่ยนไปก็จะฉีดวัคซีนกระตุ้นตามนโยบายต่อไป 

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า นอกจากนี้หลายคนยังติดสูตรไขว้ไม่ดี ยืนยันสูตรไขว้เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยสองชนิดมาฉีดกระตุ้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสูงขึ้น จึงขอให้มั่นใจ โดนเฉพาะล่าสุดการฉีดวัคซีนในเด็กที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเห็นชอบสูตรไขว้ซิโนแวคและไฟเซอร์ เทียบเท่าไฟเซอร์ 2 เข็ม หรือมีภูมิสูงกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งจะทำให้ฉีดได้เร็วขึ้น เพื่อให้เปิดโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวถึงการเตรียมถอดโรคโควิด-19 ออกจากระบบบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือ ยูเซ็ป ว่า ย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่มีทางทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เรารู้จักโรคนี้ดีขึ้น และกำลังบริหารจัดการให้เป็นโรคประจำถิ่น ประกอบกับโรคไม่รุนแรงเหมือนเดิม คนไทยมีภูมิและการบริหารจัดการด้านอื่น ๆ เช่น เตียงและยาก็พร้อม จึงอาจไม่มีความจำเป็นโรคฉุกเฉินต่อไป แต่ผู้ที่มีอาการหนักยังเข้ารับรักษาฉุกเฉินได้ 

ด้าน นพ.ธเรศ กล่าวว่า ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ จะปรับการใช้บริการรักษาผู้ป่วยโควิดตามสิทธิ 3 สิทธิ ได้แก่ สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม และสิทธิราชการ แต่ยืนยันยังรักษาฟรีสำหรับโรคโควิด-19 และเพื่อลดความกังวลได้เตรียมการรองรับผู้ป่วยอาการหนักสีเหลืองและสีแดง โดยได้กำหนดให้เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารับการรักษาที่ไหนก็ได้ทั้ง รพ.รัฐ และเอกชนใกล้บ้าน หรือเรียกว่า ยูเซ็ปพลัส ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ ยืนยันไม่กระทบการรักษาผู้ป่วยโควิด-19.