เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ร.ต.อ.พลรัตน์  แก้วตา พนักงานสอบสวน สภ.ดอนหว่าน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านภูดิน หมู่ 5 ต.โคกก่อ อ.เมือง จ.มหาสารคาม เพลิงกำลังลุกลามไปยังบ้านข้างเคียงซึ่งปลูกติดกันหลายหลัง จากนั้นได้แจ้งรถน้ำ อบต.โคกก่อ, อบต.หนองปลิง, อบต.หนองโน และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 10 คัน เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้

บ้านที่เกิดเพลิงไหม้ อยู่ตรงข้ามวัดภูดินวนาราม เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ใช้น้ำฉีดใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถระงับเพลิงได้ในวงจำกัด แต่ยังคงต้องฉีดน้ำเลี้ยงไว้ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เพลิงปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือนราษฎรเสียหาย 10 หลัง โดยเสียหายทั้งหลังจำนวน 7 หลัง และเสียหายบางส่วน 3 หลัง ยุ้งข้าว 2 หลัง รถยนต์ 1 คัน รถไถ 1 คัน ส่วนบ้านต้นเพลิง คือบ้านเลขที่ 32 เจ้าของบ้านคือ นางสุภาพ โนวะ อายุ 78 ปี  ซึ่งขณะเกิดเหตุ ไม่มีใครอยู่บ้าน บ้านดังกล่าวเปิดเป็นร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ  ประมาณ 7 เครื่อง

นางยุพาพร พงษ์อุดทา รองนายก อบต.โคกก่อ และมีศักดิ์เป็นหลานสาวของเจ้าของบ้านต้นเพลิง กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวว่าไฟไหม้ จึงได้รีบออกมาดู ก็พบเพลิงลุกไหม้ และลามไปยังบ้านใกล้เคียงหมดแล้ว จึงได้ประสานขอรถน้ำมาดับไฟ ซึ่งบ้านต้นเพลิงเปิดเป็นร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเคยเกิดไฟช็อตขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ทางบ้านก็ได้เรียกช่างมาแก้ไขแล้ว และก็มาเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น ส่วนใหญ่บ้านที่ถูกไฟไหม้เป็นเครือญาติกันทั้งหมด สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร อาจจะเป็นเพราะสายไฟเก่า ชำรุด จึงทำให้เกิดเหตุขึ้น ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริง คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ต่อไป

นายบุญการ พันต้น อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 5 เจ้าของบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุตนรับประทานอาหารเสร็จ เตรียมตัวจะดูทีวีก่อนเข้านอนได้ยินเสียงดังสนั่น จึงวิ่งออกมาดู พบเพลิงลุกใหม่อย่างรุนแรง ตนจึงเรียกภรรยา และเพื่อนบ้านคนอื่นวิ่งหนีตายออกมาจากบ้าน จากนั้นไม่นาน เพลิงได้ลุกไหม้บ้านของตนวอดทั้งหลัง ทรัพย์สินไม่ได้เอาออกมา มีเพียงกางเกงตัวเดียวที่ใส่อยู่ กับมีดดาบโบราณคู่ใจ ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ที่อยู่ภายในบ้าน เช่น เอกสารที่เกี่ยวข้องกับทางราชการ ผ้าไหมหลายสิบผืน ไม่สามารถนำออกมาได้ทัน ส่วนตัวบ้านที่สร้างมากับมือจมอยู่ในกองเพลิง โชคดียังมีข้าวเปลือกที่เก็บไว้ที่ทุ่งนาพอหลงเหลืออยู่บ้าง