เมื่อวันที่ 19 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า จากกการประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบข้อเสนอวงเงินงบประมาณค่าบริการโควิด-19 ที่จะขอรับจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพื่อจ่ายชดเชยบริการโควิดระหว่างเดือน ธ.ค. 2564 -ก.ย. 2565 ยอดวงเงินรวมทั้งสิ้น 51,065.13 ล้านบาท โดยมอบ สปสช.เสนอขอรับงบฯ จาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ และรายงานต่อบอร์ด สปสช. รับทราบต่อไป

ทั้งนี้ภายใต้งบฯ ที่ขอนั้น แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ 1.เดือน ธ.ค. 2564-ก.พ. 2565 รวม 34,528.87 ล้านบาท เป็นการคำนวณตามอัตราจ่ายค่าบริการโควิด-19 เดิม โดยเดือน ธ.ค. 2564 และ ม.ค. 2565 จะใช้ยอดค่าใช้จ่ายจริงที่ได้ประมวลผลจ่ายแล้ว ขณะที่เดือน ก.พ. 2565 จะประมาณการจากค่าใช้จ่ายจริงและจำนวนผู้ป่วยเฉลี่ยย้อนหลังตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 ถึงปัจจุบัน 2. เดือน มี.ค. 2565-ก.ย. 2565 รวม 16,536.26 ล้านบาท เป็นข้อเสนอวงเงินตามอัตราจ่ายค่าบริการโควิด-19 ใหม่ แบ่งเป็น ค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19 จำนวน 9,699.55 ล้านบาท ค่าบริการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 และการดูแลรักษาอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีน 6,104.07 ล้านบาท และเงินช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายจากการรับบริการวัคซีนโควิด-19 หรือจากการให้บริการโรคโควิด-19 จำนวน 732.64 ล้านบาท

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า การเสนอขอรับงบฯ ดังกล่าวเพื่อจ่ายชดเชยบริการโควิดช่วงเดือน มี.ค.-ก.ย. 2565 เป็นการคำนวณบนการคาดการณ์ว่าสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะลดความรุนแรงลง ควบคู่กับการปรับต้นทุนการจ่ายชดเชยค่าบริการโควิด-19 ที่ลดลง ในส่วนของรายการจ่ายที่มีการปรับ เช่น การตรวจคัดกรองด้วยวิธี ATK Professional ได้ปรับอัตราจ่ายใหม่จากวิธี Chromatography 300 บาท และวิธี FIA 400 บาท เป็น 250 และ 350 บาทตามลำดับ ขณะที่อัตราค่าตรวจ RT-PCR ประเภท 2 ยีน จากเดิม 1,300 บาท เหลือ 900 บาท ส่วน ประเภท 3 ยีน จากเดิม 1,500 บาท เหลือ 1,100 บาท นอกจากนี้ยังปรับอัตราจ่ายค่าห้องที่ดูแลการรักษา ปรับลดอัตราจ่ายอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เป็นต้น ทำให้ภาพรวมในช่วง 7 เดือนหลังจากนี้ คาดการณ์งบประมาณจะลดลงไปได้กว่า 1,729.89 ล้านบาท.