เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ สน.คันนายาว นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมนางสาวสิริลักษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ปาฏิหาริย์ วัฒนประคัลภ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.คันนายาว ให้ดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงกับกลุ่มคนที่หลอกให้เล่นการพนัน ภายในงานประจำปีของวัดแห่งหนึ่งย่านคู้บอน เขตคันนายาว กทม.

นางสาวสิริลักษณ์ เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกับแฟนหนุ่มกำลังเดินเที่ยวเล่นในงานวัดดังแห่งหนึ่งย่านคู้บอน เเละเมื่อเดินผ่านบริเวณซุ้มปาลูกโป่ง ก็พบโต๊ะซุ้มเกมที่มีคนยืนมุงดูจำนวนมาก จู่ๆก็มีกลุ่มคนในนั้นชักชวนให้ตนเข้าไปเล่น ตนจึงบอกว่าไม่เล่นเพราะเล่นไม่เป็น แต่ก็ถูกคนในกลุ่มดังกล่าวจับมือเข้าไปเล่นเสี่ยงทาย โดยซุ้มเกมดังกล่าวมีลักษณะเป็นการหมุนเหรียญ 2 ด้าน ซึ่งมี เลข 3 ด้านหนึ่ง และเลข 8 อีกด้านหนึ่ง ก่อนจะใช้ฝาครอบ แล้วให้ผู้เล่นทายเลข โดยครั้งแรกไม่มีการวางเงินสด แต่คนดังกล่าวหยิบเงินสดวางให้ตนก่อนเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท เพราะตนพกเงินสดไปไม่ถึง 1,000 บาท ระหว่างที่ถูกล้อมอยู่ตรงนั้น ตนคิดว่าน่าจะมีคนเห็นเงินในบัญชี จึงเป่าหูหว่านล้อมให้ร่วมเล่นต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งจากการถูกหลอกให้เล่นในครั้งแรกนั้น ตนได้เสียเงินไป 6,000 บาท ซึ่งตนพยายามบอกว่าไม่มีเงินสด ไม่ต้องการเล่น แต่กลุ่มคนดังกล่าวก็บอกให้โอนได้ พร้อมกับมีกลุ่มการ์ดเป็นผู้ชายร่างใหญ่ รวมกว่า 10 คน มาล้อมหน้าล้อมหลัง ปิดทางไม่ให้ตนหนีไปไหน จึงทำให้เกิดความหวาดกลัว ยอมโอนเงินให้

จากนั้นกลุ่มคนดังกล่าวซึ่งคาดว่าเป็นหน้าม้า พยายามพูดจาเชียร์และจับมือตนไปเล่นเสี่ยงทายต่ออีกเกือบ 10 ครั้ง ตนเองก็ไม่กล้าหนีเพราะด้วยความกลัวและมีอาการเบลอๆ โดยตลอดการเล่นนั้นก็เสียทุกรอบครั้งละ 10,000 บาท จากนั้นเป็น 30,000 บาท และ 50,000 บาท แต่จำไม่ได้ว่าโอนไปทั้งสิ้นกี่ครั้ง ซึ่งในการเล่นครั้งสุดท้าย ตนได้โอนเงินไป 100,000 บาท และพอกลับมาดูสลืปโอนเงินก็พบว่ารวมทั้งหมดที่โอนไปในคืนวันเกิดเหตุนั้นเป็นเงินประมาณ 295,000 บาท โดยแบ่งโอนหลายครั้งให้กับบัญชีของมิจฉาชีพรวม 3 บัญชี ทำให้เงินเก็บหลักแสนที่ตนเก็บไว้สำหรับไปจ่ายค่าโอนที่ดินในวันที่ 25 ก.พ.นี้ หมดไปกับการถูกหลอกในครั้งนี้ และเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) ตนก็ได้เดินทางไปที่วัดแห่งนี้อีกครั้ง โดยให้น้องสาวทำทีเดินชมงานแล้วถ่ายวิดีโอไว้ ซึ่งก็พบว่าซุ้มเกมดังกล่าวพร้อมทั้งกลุ่มคนและการ์ดยังมีอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่ใช่ซุ้มเกมในลักษณะที่ตนถูกหลอกให้เล่น

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาทีมงานเพจสายไหมต้องรอดได้ลงพื้นที่ไปดูโต๊ะพนันดังกล่าว ซึ่งก็พบว่ามีการ์ดคอยเฝ้า และห้ามไม่ให้คนที่ผ่านไปมาถ่ายรูปหรือคลิปวิดีโอ เบื้องต้นทราบว่าซุ้มเกมดังกล่าวเป็นล็อกเสริมที่มาเช่ารายวัน บางวันก็มา บางวันก็ไม่มา หากหลอกเหยื่อได้แล้วก็จะย้ายร้านไปเปิดซุ้มที่งานอื่นๆ แทน ขณะที่ซุ้มปาลูกโป่งบริเวณดังกล่าวยังคงมีอยู่ แต่ก็กำลังเก็บร้าน ซึ่งร้านค้ากล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาภายหลังเกิดเหตุการณ์นี้ได้มีเจ้าหน้าที่ไม่ทราบหน่วยงานได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ซุ้มเล่นเกมทุกร้านเก็บของกลับทันที เหลือไว้เฉพาะโซนร้านอาหารเท่านั้น ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ร้านค้าต่างๆ เป็นอย่างมาก และไม่เห็นด้วยกับการที่ทางผู้จัดงานนำโต๊ะพนันลักษณะดังกล่าวมาตั้งในงานวัด

ด้าน พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้แล้ว และจะเร่งรัดติดตามผู้กระทำความผิดมาสอบสวน หากเข้าข่ายความผิดก็จะดำเนินคดี พร้อมทั้งยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ออกตรวจตรางานวัดดังกล่าวทุกวัน และไม่พบการลักลอบเล่นการพนัน จึงคาดว่าแก๊งดังกล่าวน่าจะฉวยโอกาสที่ตำรวจตรวจตราไม่ทั่วถึง จัดให้มีการเล่นการพนันเกิดขึ้น และหากใครถูกหลอกในลักษณะดังกล่าว ขอให้ผู้เสียหายรีบเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพราะทางตำรวจจะได้ดำเนินการรีบไปดูที่จุดเกิดเหตุ และสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 กล่าวว่า ตนได้กำชับและสั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามตัวผู้จัดงานและกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว และหากสอบสวนแล้วพบว่ามีการจัดให้เล่นการพนันก็จะแจ้งข้อหา ลักลอบเล่นการพนัน ส่วนที่ผู้เสียหายระบุว่ามีการบังคับให้เล่นนั้น ก็จะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานก่อนว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง ซึ่งหากเป็นการบังคับลักษณะไม่ให้ไปไหนจึงจะเข้าข่ายกักขังหน่วงเหนี่ยวส่วนตำรวจท้องที่ที่รับผิดชอบดูแลจะเข้าข่ายปล่อยปละละเลยให้มีการเล่นการพนันหรือไม่นั้น เบื้องต้นยังไม่พบว่าเข้าข่ายความผิดเพราะทราบว่าเป็นลักษณะลักลอบเข้ามาเล่น