ต้องบอกว่าสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ส่งสัญญาณระงม เป็นสัญญาณร้ายถาโถมวิกฤติซ้อนวิกฤติในภาวะอันตราย ตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉพาะประเทศไทย ทำนิวไฮขึ้นหลักหมื่นเกือบ 2 หมื่นราย รวมทั้งการตรวจแบบ ATK ทะลักใกล้แตะ 3 หมื่นรายต่อวัน จากคลัสเตอร์งานบุญ งานเลี้ยง และโรงเรียน กระจายทั่วประเทศ เชื้อแพร่เร็ว สวนทางกับประชาชนที่การ์ดเริ่มตก เพราะชินชากับโรคระบาดมานาน
ทว่าสถานการณ์วางใจไม่ได้ “เชื้อไวรัสมรณะ” ยังไม่อยู่ในวิสัยการควบคุมของหน่วยงานสาธารณสุข อย่างที่เคยบอกก่อนหน้านี้ว่า “เอาอยู่” สวนทางกับตัวเลขการติดเชื้อที่ดีดกลับมาสูงขึ้นไวรัสกลายพันธุ์ยังลูกผีลูกคน หาจุดจบไม่เจอ หากเชื้อโอมิครอนที่กำลังระอุ ลุกลามหนักจนหลบหลีกวัคซีนได้ หากรัฐบาลยังปล่อยกันสบายๆ ตามสไตล์แบบไทยๆ เดี๋ยวจะเอาไม่อยู่ หนีไม่พ้นต้องล็อกดาวน์ ปิดเมืองกันอีกรอบ

ทว่าดูตามแนวโน้มสถานการณ์ รัฐบาลคงทำได้แค่ขอความร่วมมือเวิร์กฟรอมโฮม ประชาชนคงเข้มมาตรการสาธารณสุข รณรงค์ฉีดวัคซีนเข็มประตุ้น และปิดสถานบันเทิง ปิดสถานที่เสี่ยงชั่วขณะในระยะเวลาที่แน่ใจว่า เชื้อโอมิครอนจะไม่ลามระบาดอันตราย จนโรงพยาบาลรับไม่ไหว แต่สภาพ ถ้าไหลไปถึงจุดนั้น เศรษฐกิจที่กรอบเป็นข้าวเกรียบกุ้ง ดิ่งเกือบถึงก้นเหวแล้ว คงยากจะฉุดให้ขึ้นมา หาบเร่ แผงลอย ธุรกิจน้อยใหญ่ คงสะกดคำว่า “เจ๊ง” กันแน่นอน
สอดรับกับ “บิ๊กตู่” ระบุว่า มีความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ก็อยู่ในกรอบที่กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาอยู่แล้วว่า จะมีตัวเลขขึ้นแบบนี้ในระยะหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุด คือสถานที่ในการรักษาพยาบาลต้องเพียงพอ ไม่ใช่เฉพาะโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว เพราะมีการรักษาแบบ home isolation และ Community Isolation ถ้าไปรักษาที่โรงพยาบาลจำนวนมากก็จะเป็นปัญหา

ขณะที่ “ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า “จำนวนผู้ติดเชื้อในบ้านเราอยู่ในขาขึ้น ยอดสูงสุดจะเป็นเท่าไหร่ อาจจะถึง 3-5 หมื่น หรือมากกว่าก็ได้ ขณะนี้ที่เห็นชัดก็คือว่า ถ้าเรารวมผู้ป่วยตรวจยืนยัน RT-PCR กับ ATK ก็น่าจะเกิน 25,000 แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดในครอบครัว และจะติดทั้งครอบครัว”
สถานการณ์โควิดยังอยู่อีกนาน แต่ไม่รุนแรงเหมือนช่วงระบาดตอนต้น แต่นั่นก็ต้องไม่ประมาท ประชาชนคนไทยต้องยกการ์ดสูงไว้ก่อน เพราะถึงตอนนี้ เราไม่สามารถที่จะกลับไป “ปิดประเทศ” ได้อีกแล้ว ตามแนวโน้มรัฐบาลจำเป็นต้องรีสตาร์ตเครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจ ดึงรายได้เข้าคลัง
ยิ่งในภาวะที่รัฐบาล ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” ตกอยู่ในสภาพ “เรือเหล็กบุโรทั่ง” เผชิญคลื่นมรสุมกระหน่ำ ระส่ำทั้งภายนอก และภายใน
สถานะไร้ซึ่ง “เสถียรภาพ” โดยสิ้นเชิง ดังนั้นยิ่งในห้วงรัฐบาลพลิกคว่ำพลิกหงาย ยังไม่รู้ลูกผี ลูกคน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลฟ้องด้วยภาพ “เรือเหล็กสนิมเกรอะ” ร้าวหนักในพรรคร่วมรัฐบาล ต้องรีบทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ยากจะลากถูกันไป นับถอยหลังไม่รู้จะลากกันไปวันไหน.