เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์” ได้รับการร้องเรียนจากนายจ้างของแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา เพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องของการจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรณีลูกจ้างหญิงได้คลอดบุตร ที่รพ.ของรัฐ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.64 ที่ผ่านมา โดยนายจ้าง เปิดเผยว่า เนื่องจากสามีของลูกจ้างหญิงรายนี้ได้ตรวจพบเชื้อโควิด จึงได้มีการแยกรักษาตัวไปอยู่ที่ศูนย์พักคอยวัดสะพาน แต่ลูกจ้างหญิงรายนี้ตรวจแล้วไม่พบเชื้อโควิด ประกอบกับระหว่างนั้นเจ็บท้องจะคลอด จึงได้โทรเข้าสายด่วน 191 เพื่อให้ตำรวจช่วยประสานหารถพยาบาลมารับตัวไป

หลังจากนั้นก็มีรถกู้ชีพของรพ.แห่งหนึ่งมารับตัว แต่เนื่องจากที่ รพ.ดังกล่าวเตียงเต็มไม่สามารถทำคลอดได้จึงได้มีการประสานไปในหลายรพ.และก็มีที่รพ.รัฐแห่งหนึ่งรับทำคลอดให้ หลังจากนั้นเมื่อคลอดบุตรออกมาเรียบร้อย แพทย์แจ้งว่าลูกจ้างหญิงยังมีความเสี่ยงจึงดำเนินการตรวจโควิดซ้ำและพบว่าติดเชื้อแต่ไม่รุนแรง จึงได้ทำการนำตัวลูกจ้างหญิงที่เพิ่งคลอดบุตร ออกไปรักษาตัวที่ Hospitel

ซึ่งก่อนจะออกไปรักษาโควิดนั้น ทางรพ.แจ้งว่าต้องชำระค่าคลอดบุตร จำนวน 14,555 บาทก่อน ซึ่งลูกจ้างหญิงได้ดำเนินการชำระเรียบร้อยและขณะนี้รักษาตัวอยู่ใน Hospitel แต่บุตรที่คลอดออกมานั้นยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่รพ.พยาบาล เนื่องจากรพ.แจ้งว่า ต้องรอดูอาการว่าเด็กติดเชื้อโควิดด้วยหรือไม่

นายจ้างเล่าต่อว่า พอวันที่ 20 ก.ค. ตนได้รับโทรศัพท์จากลูกจ้างชายซึ่งเป็นสามีของหญิงต่างด้าวรายนี้ว่า ทางรพ.แจ้งว่าถ้าจะนำเด็กทารกออกจากรพ. ต้องชำระค่ารักษาพยาบาลในการดูแลเด็กตั้งแต่วันที่ 16-20 ก.ค.64 อีกจำนวน 83,261 บาท ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถนำเด็กออกจากรพ.ได้ ทำให้ตนต้องรีบติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีของรพ.ว่า ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น มาจากส่วนไหน ทำไมจึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า จะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าดูแลเด็ก ตามปกติทั่วไป แต่ค่าบริการอื่นๆที่สูงถึง 45,140 บาท ที่แยกออกมาจากค่าอื่นๆนั้น เมื่อสอบถามกลับไปยังเจ้าหน้าที่รายเดิม ระบุว่าเป็นค่าชุดPPE ที่เจ้าหน้าที่ต้องใส่เข้าไปดูแลทารกรายดังกล่าว และเมื่อสอบถามกลับไปยังลูกจ้างหญิงก็พบว่า ทางรพ.ไม่ได้มีการแจ้งว่า จะมีค่าใช้เพิ่มเติมในการดูแลทารก ระหว่างที่มารดาของเด็กรักษาโควิดด้วย

ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมกับทาง รพ. ว่าเหตุใดจึงมีค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กที่ลงในรายการว่า ค่าบริการอื่นๆ สูงมาก ทั้งที่เป็นรพ.ของรัฐ อีกทั้งตนที่เป็นนายจ้างหรือลูกจ้างต่างด้าวทั้ง 2 คนก็ไม่มีเงินมากเพียงพอที่จะนำไปชำระเพื่อนำตัวทารกออกมาดูแลได้ระหว่างที่ลูกจ้างทั้ง 2 รายของตนยังรักษาอาการป่วยจากโควิดอยู่ จึงอยากให้รพ.เห็นใจและให้ความเป็นธรรมด้วย ทั้งนี้ตนได้แจ้งร้องขอความเป็นธรรมไปยังศูนย์ดำรงธรรม สำนักนายกรัฐมนตรีด้วย..