อยู่ๆ ก็มีข่าวออกมาทำนองว่า ส.ว.จะคว่ำกฎหมายลูก คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเหตุผลที่จะคว่ำคืออะไร แต่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า “มันมีหลายร่าง เขาอาจไม่รับหลักการร่างใดร่างหนึ่ง เชื่อว่าอย่างไรก็ต้องมีสักร่างที่ผ่าน” ซึ่งน่าจะเป็นร่างที่เสนอโดย ครม.

คือถ้าเป็นจริงที่จะคว่ำกฎหมายลูก ส.ว.ก็เตรียมโดนตำบลกระสุนตกได้ว่า “ช่วยสืบทอดอำนาจรัฐบาล คสช.” เพราะอนุมานได้ว่า ส.ว.ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการผ่านกฎหมายเพื่อการจัดเลือกตั้ง ทั้งที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว อย่างไรก็ต้องออกกฎหมายลูกให้ล้อกับรัฐธรรมนูญ ไม่เช่นนั้นจัดเลือกตั้งไปขัดรัฐธรรมนูญมีปัญหาอีก

กรณีกฎหมายลูกไม่ผ่าน แล้วจำเป็นต้องจัดเลือกตั้งเพราะนายกฯ ยุบสภาขึ้นมา มันก็มีทางออกทางหนึ่งคือการออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ซึ่งนายวิษณุ เคยให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ไม่ควรให้เป็นอย่างนั้นและพรรคการเมืองฝ่ายค้านก็ไม่เอา เพราะมันทำให้พรรครัฐบาลเองเป็นฝ่ายกำหนดกฎเกณฑ์ได้ฝั่งเดียว ดังนั้น ต้องออกเป็น พ.ร.ป.

ถึงไปยื้อกฎหมายลูกไว้ ก็ต้องมีการเสนอเข้ามาใหม่ ดังนั้นจึงค่อนข้างเชื่อได้ว่า “กฎหมายลูกต้องผ่านแน่นอน” บรรยากาศขณะนี้คนตื่นตัวเรื่องการเลือกตั้งใหม่กันมาก ซึ่งประเด็นสำคัญที่เป็นจุดขายคือ เรื่องเศรษฐกิจ ในภาวะโควิด ทำให้รัฐบาลเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า รายได้ท่องเที่ยวหาย ต้องกู้เงินมาช่วยโควิดจำนวนมาก แล้วจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร

จุดสังเกตสำคัญคือ หลายพรรคการเมือง ทั้งเก่าและใหม่พยายามบอกว่าตัวเองมีกุนซือ มีขุนพลเศรษฐกิจมือดี เปิดตัวไปแล้ว บ้างรอเปิดตัวบ้าง อย่างลองไล่เรียงดู พรรคสร้างอนาคตไทย มือเศรษฐกิจ ก็เป็นสายที่คิดนโยบายประชานิยมให้พลังประชารัฐ (พปชร.) เก่า คือ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

พรรคเศรษฐกิจไทย ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาเป็นแกนนำ ก็บอกว่าเตรียมเปิดตัวขุนพลเศรษฐกิจ ซึ่ง “ว้าว” แน่ ส่วนพรรคกล้า ตัวขายคือ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง พรรคประชาธิปัตย์ ก็พยายามชูคนหน้าใหม่อย่าง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ขณะที่ตัวหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ไปมุ่งเน้นเรื่องปากท้องเกษตรกร

พรรค พปชร. หลังทีมสี่กุมารออก ก็ทาบทาม นายชาติชาย พายุหนาวีชัย อดีต ผอ.ธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นคนดังในแวดวงธนาคารและธุรกิจอยู่พอสมควร โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ทาบทามเอง และเคยมีชื่อติดโผเป็น รมว.คลัง ในรัฐบาลนี้มาแล้ว ซึ่งข่าวว่านายชาติชายจะมาดูนโยบายเศรษฐกิจพรรค

ขณะที่พรรคเพื่อไทยนั้น ชื่อของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังขายได้เสมอ พรรคจึงพยายามแสดงภาพของการมี “ดีเอ็นเอ” ของนายทักษิณอยู่ คือการที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ เข้ามาทำงานเป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และนายทักษิณก็ยังพูดโน่นนี่เกี่ยวกับเศรษฐกิจในคลับเฮาส์มาตลอด

ซึ่งการมีดีเอ็นเอของนายทักษิณในพรรคเป็นสิ่งที่สำคัญมาก จากรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อวุฒิสภา เมื่อวันที่ 15 ก.พ. นั้น การสำรวจที่น่าสนใจคือ “ในภาคอีสาน ประชาชนเลือก ส.ส.โดยตัดสินใจจากแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคเสนอ” เมื่อภาคอีสานมี ส.ส.มากก็ต้อง “ยึด” ให้ได้

คนอีสานยังชื่นชอบนายทักษิณ อดีตนายกฯ จึงต้องออกแอ๊คชั่น ออกวิสัยทัศน์ เพื่อช่วยพรรคเพื่อไทย หลายพรรคก็ต้องยึดให้ได้ อย่างเราเห็นพรรคไทยสร้างไทย ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ลงพื้นที่อีสานบ่อย ทั้งนี้ โจทย์เศรษฐกิจไม่ใช่แค่เรื่องหาเงินมาโปะหนี้อย่างไร แต่มันต้องทำได้ถึงระดับที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนจนได้ด้วย

เรื่องกุนซือเศรษฐกิจนี่น่าสนใจ เกือบจะเท่าชูใครเป็นนายกฯ ทีเดียวเชียว.