เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งเป็นรายได้สําคัญของประเทศได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ขณะเดียวกันธุรกิจภาคส่งออกที่มีภาคแรงงานกว่า 2 ล้านคน ใน 4 สาขากลับเติบโต ได้แก่ อาหาร เครื่องมือแพทย์ ยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผลพวงจากการดำเนินการโครงการ Factory Sandbox ของกระทรวงแรงงานตามนโยบายรัฐบาล ทำให้ธุรกิจส่งออกดังกล่าว เกิดการจ้างงานต่อเนื่อง ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ สะท้อนให้เห็นว่าเป็นผลสำเร็จของโครงการแฟคทอรี่ แซนด์บ็อกซ์ ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ โดยดำเนินการใน 12 จังหวัด ให้แก่สถานประกอบการ 730 แห่ง ลูกจ้าง 349,016 คน รวมทั้งดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ลูกจ้าง 112,746 คน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่แรงงานและสร้างความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจจากภาคการผลิตแก่นักลงทุนในสถานประกอบการภาคการผลิตส่งออกขนาดใหญ่ เป็นกลไกที่พยุงเศรษฐกิจประเทศ กระตุ้นการบริโภคและการส่งออกของประเทศ
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ที่เปิดเผยถึงตัวเลขการส่งออกเดือน ธ.ค. 2564 ขยายตัวถึง 17.14% ซึ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี ทะลุเป้าหมาย คิดเป็นมูลค่ารวม 2.71 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลพวงจากนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นการจ้างงานช่วยพยุงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการแฟคทอรี่ แซนด์บ็อกซ์ ที่ช่วยพยุงการจ้างงานในอุตสาหกรรมการผลิตกว่าร้อยละ 30 จากผู้ประกันตน 11 ล้านคน ทำให้เศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมสามารถเดินหน้าต่อไปได้
“นโยบายแฟคทอรี่ แซนด์บ็อกซ์ ของรัฐบาล ช่วยแก้ปัญหาโควิด-19 ให้แก่ผู้ประกอบการภาคส่งออก เป็นการป้องกันการแพร่ระบาดในคลัสเตอร์โรงงาน เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมทั้งสามารถรักษาระดับการจ้างงานในภาคการผลิตและส่งออกสำคัญได้กว่า 3 ล้านตำแหน่ง” นายสุชาติ กล่าว.