เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สถานการณ์การใช้เตียงภาพรวมประเทศ ข้อมูล ณ 22 ก.พ. 65 เตียงทั้งหมด 180,208 เตียง ครองเตียง 88,483 เตียง อัตราครองเตียง 49.1% แยกเป็นระดับ 1 ป่วยน้อยสีเขียว ทั้งหมด 148,219 เตียง ครองเตียง 82,523 เตียง อัตราครองเตียง 55.7%, ป่วยหนักสีส้ม ระดับ 2.1 ทั้งหมด 24,234 เตียง ครองเตียง 4,882 เตียง อัตราครองเตียง 20.1%, ระดับ 2.2 ทั้งหมด 5,592 เตียง ครองเตียง 676 เตียง อัตราครองเตียง 12.1% และป่วยวิกฤติ ระดับ 3 ทั้งหมด 2,163 เตียง ครองเตียง 402 เตียง อัตราครองเตียง 18.6%

ทั้งนี้ สัดส่วนผู้ติดเชื้อโควิดปัจจุบัน สีเขียวอาการน้อยเกือบ 90% สีเหลืองอาการปานกลาง 10% และสีแดง อาการรุนแรง 0.4% ขณะนี้แนวทางรักษาจะเป็น HI ก่อน เพราะโรครุนแรงน้อยกว่าเดลตา ประชาชนฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มจำนวนมาก โดยหากตรวจ ATK เป็นบวก ไม่ต้องทำ RT-PCR ซ้ำ สามารถเข้า HI ได้ ซึ่งจะมีอุปกรณ์และอาหาร มีแพทย์ติดตามอาการอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เมื่ออยู่บ้านครบ 10 วัน ก็จบการรักษา อีกส่วนคือผู้ป่วยที่อยู่ รพ. 3-5 วัน แล้วอาการดีขึ้น แพทย์จะประเมินว่าให้กลับมา HI ได้ เพื่อหมุนเวียนเตียงให้รายอื่น หากดูแลตัวเองอยู่ HI แล้วอาการมากขึ้น จำเป็นต้องนำส่ง รพ. แพทย์จะพิจารณาตามเกณฑ์ดังนี้ 1.ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง 2.หายใจเร็วมากกว่า 25 ครั้งต่อนาที 3.ออกซิเจนปลายนิ้วต่ำกว่า 94% 4.โรคประจำตัวกำเริบ บางรายอาการโควิดเบามาก แต่อาการของโรคร่วมกำเริบจึงต้องนำเข้า รพ. และ 5.สำหรับเด็ก จะมีอาการซึมลง ดื่มนมน้อย

เมื่อถามว่าสถานการณ์ใน กทม. ตอนนี้มีการเปิดเผยตัวเลขเตียงสถานพยาบาลหลายที่เต็ม สวนทางกับข้อมูลเตียงของกรมการแพทย์กลับพบว่ายังเหลือเตียงจำนวนมาก นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า เตียงที่เห็น 50% เฉลี่ยทุกเตียง แต่เตียงเขียว 60-70 เตียงเหลือง เตียงแดงสำหรับคนอาการหนัก ซึ่งตอนนี้เตียงส่วนนี้ว่าง แต่เตียงเขียวโดยเฉลี่ยครองเตียง 70% ถือว่าค่อนข้างตึง และอาจเป็นเรื่องการสื่อสาร แต่ถ้าถามว่า แล้วจะให้คนไข้สีเขียวมาอยู่ที่เตียงสีเหลืองได้หรือไม่นั้น สามารถทำได้ แต่ต้องตั้งต้นก่อนว่าผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการสีเขียว ไม่จำเป็นต้องอยู่ รพ. ก็ได้ แม้ว่าคนไข้สีเหลือง สีแดงจะไม่มาก แต่เราจำเป็นต้องเก็บไว้ให้คนที่มีอาการหนักจริง ๆ และส่วนหนึ่ง ช่วงพีคเดลตา รพ. มี 10 เตียง ตอนนี้ลดมาเหลือ 5 เตียง เพราะเอาอีก 5 เตียง ไปรักษาโรคอื่นที่จำเป็น เช่น ไปผ่าตัดคนไข้โรคอื่น ๆ ไม่อย่างนั้นคนไข้โรคอื่น ๆ ก็เสียโอกาสเหมือนกัน ถ้าจะให้เราเพิ่มเตียง ภายในอาทิตย์เดียวเราก็เพิ่มได้ เพราะโครงสร้างเรามีอยู่แล้ว แต่เราเสียดายคนไข้โรคอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม คนที่อาการสีเขียวเราไม่ได้ทอดทิ้ง เพราะสามารถเข้าดูแลในระบบ HI/CI ที่มีอุปกรณ์ มีอาหาร และมีแพทย์ติดตามอาการ

นพ.ณัฐพงศ์กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือมีเพียงเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องกินยาต้านไวรัส อาจยังมีความเข้าใจผิดในกลุ่มประชาชน ผู้หวังดี จิตอาสา มาขอยาให้ผู้ติดเชื้อ ซึ่งแนวทางปัจจุบันออกมาแล้วว่า ผู้ที่ไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องได้ยาฟาวิพิราเวียร์ เว้นมีความเสี่ยง แต่พิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจรวันละ 180 แอนโดรกราโฟไลด์ ติดต่อกัน 5 วัน ไม่แนะนำให้กินคู่กัน เพราะอาจเกิดภาวะตับอักเสบได้ ดังนั้น ยาฟาวิพิราเวียร์ไม่ได้จำเป็นกับผู้ติดเชื้อทุกราย หากกินยาฟาวิฯ โดยไม่จำเป็นต้องกินอาจเกิดผลข้างเคียง ที่กลัวคือ ตับอักเสบ แม้จะเกิดขึ้นไม่มากแต่ก็เกิดได้ มีดวงตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ฉะนั้นหากไม่มีอาการ ก็ไม่มีความจำเป็น ยิ่งกินคู่กับฟ้าทะลายโจร ทำให้มีอาการขึ้นมา ฉะนั้น ต้องซักประวัติก่อนว่า รับยาฟ้าทะลายโจรมาแล้วหรือไม่ ต้องหยุดก่อน ไม่กินคู่กัน

เมื่อถามว่าผู้ติดเชื้อกลุ่มเขียวที่ไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์มีโอกาสที่อาการจะรุนแรงขึ้นมากน้อยแค่ไหน นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า คนไม่มีอาการ และไม่ได้รับยา ถ้าวินิจฉัยเร็วก็ต้องรอดูอาการอีก 2-3 วัน หากยังไม่มีอาการก็ไม่จำเป็นต้องรับยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ผ่านมาเราใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ไปมาก ทำให้คนเข้าใจว่าต้องกินยา คนเรียกร้องเข้ามาผ่าน 1330 เพราะต้องการยา ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ซึ่งยังเน้นย้ำว่า หากเป็นอาการเล็กน้อย ให้รักษาตามอาการ ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดหายเองได้ ไวรัสวันนี้เหมือนไข้หวัด แต่ที่ผ่านมา เดลตามีความรุนแรง คนยังไม่มีภูมิต้านทาน ก็ลงปอด ยิ่งมีโรคประจำตัว ก็แย่ลง แต่ขณะนี้รู้แล้ว ตัวเชื้อรุนแรงน้อยลง และคนมีภูมิต้านทานด้วย.