เมื่อวันที่ 22 ก.ค. เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่าในช่วงเช้าได้มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์และไอซีทีฯ ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เพื่อพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหม โดยมีนายสรวุฒิ เนื่องจํานงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์และไอซีทีฯ เป็นประธานการประชุม พร้อมทั้งมีตัวแทนของกระทรวงกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศเข้ามาร่วมชี้แจง

ทั้งนี้นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์และไอซีทีฯ กล่าวว่า วันนี้อนุ กมธ.ครุภัณฑ์และไอซีทีฯได้มีการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหม ที่ตนตั้งเป้าตัดงบประมาณเพิ่มเติม เพราะจากการประชุม กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ มีเพียงกองทัพเรือหน่วยงานเดียวที่ยื่นขอถอนโครงการจัดซื้อเรือดำนำลำที่ 2 และลำที่ 3 ส่วนรายการอื่นยังอยู่ครบ วันนี้อนุ กมธ.ครุภัณฑ์และไอซีทีฯ จึงต้องมาพิจารณาและเสนอตัดงบประมาณในส่วนต่างๆ ที่ไม่จำเป็นเพิ่มเติมอีก เช่น โครงการจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับ (ยูเอวี) เพื่อลาดตระเวนชายฝั่งทะเลของกองเรือ งบประมาณ 4,100 ล้านบาท และพบว่ากองทัพเรือยังซื้อโดรน อีก 570 ล้านบาทในปีเดียวกัน จึงตั้งข้อสังเกตว่ามิติการรบของกองทัพเรือเป็นทางน้ำ แต่เหตุใดจึงตั้งงบซื้อทางอากาศ รวมแล้วงบประมาณเกือบ 5,000 ล้านบาท ส่วนกองทัพบกก็มีการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ และอุปกรณ์รถถัง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเท่าที่ควร เพราะที่ขอไปทางกองทัพแล้วแต่ยังไม่ได้ส่งให้ รวมทั้งต้องตามเรื่องการจัดซื้อเรือลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบก หรือเรือแอลพีดี ซึ่งเป็นการจัดซื้อเรือแต่ไม่มีระบบอาวุธ จนต้องทำหนังสือไปถึงประเทศจีน เพื่อขอความอนุเคราะห์ติดอาวุธเพิ่มที่กองทัพเรือยังไม่ได้ให้คำตอบเรื่องนี้ วันนี้จะขอดูความเหมาะสมว่าจำเป็นต้องมีการจัดซื้อหรือไม่ อีกทั้งต้องดูบริษัทที่จัดซื้อด้วยว่าเป็นอย่างไร และเป็นการจัดซื้อรูปแบบไหน

“ส่วนตัวจะค้านการจัดซื้ออาวุธที่ฟุ่มเฟื่อย โดยเฉพาะเรือดำน้ำ เพราะมิติการรบปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปแล้ว และเป็นใช้เทคโนโลยีมากกว่า ทั้งนี้ยืนยันว่าจะเสนอตัดรายการซื้ออาวุธที่ไม่จำเป็นเพิ่มเติมอีก หากที่ประชุมไม่ยินยอมก็จะเสนอโหวตลงมติ และถ้าแพ้ก็จะไปสู้ในที่ประชุกมธ.ชุดใหญ่ต่อ เราต้องไม่เกรงใจกัน” นายยุทธพงศ์ กล่าว

ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ.งบประมาณ กล่าวว่า ตนได้มาติดตามการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์และไอซีทีฯ ในวันนี้ด้วย พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้สื่อมวลชนติดตามพฤติกรรมของนายยุทธพงศ์ เพราะเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ทางกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ได้มาชี้แจงขอจัดซื้อยูเอวีราคาสูงเหมือนกับกองทัพเรือ ตนและ กมธ.ของพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นราคาสูงกว่าท้องตลาดมากถึง 2-3 เท่า โดยราคายูเอวี 1 ลำ มีราคาแสนกว่าบาท และขอให้ตัดงบประมาณในส่วนนี้ รวมยังมีการของบประมาณมหาศาล แต่ถูกตัดลดแทบทุกรายการ เพราะราคาสูงหลายเท่า แต่นายยุทธพงศ์กลับมีพฤติการณ์ปกป้องว่ามีความจำเป็น ทำตัวเป็นเหมือนองครักษ์พิทักษ์กรมทางหลวง แต่มาพอถึงงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ในส่วนของกองทัพเรือที่เป็นครุภัณฑ์ประเภทเดียวกันกลับคัดค้าน จึงฝากให้ช่วยติดตามว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายยุทธพงศ์ และตั้งข้อสังเกตว่านายยุทธพงศ์มีอะไรที่เป็นเบื้องลึกเบื้องหลังกับกรมทางหลวงหรือไม่ หรือมีนอกมีในหรือไม่ ส่วนโดรนของกองทัพเรือสมควรจะจัดซื้อหรือไม่ตนขอไปดูรายละเอียด ทั้งนี้ กมธ.ทุกคนควรทำงานอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่แค่จ้องตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม จึงขอให้ดูที่การเสนอราคาและต้องงบฯ บางส่วน

น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่า ส่วนที่กองทัพเรือยอมถอยการจัดซื้อเรือดำน้ำ ตนรู้สึกเห็นใจกองทัพเรือ เพราะวันนี้เรามีทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ใกล้กับมาเลเซีย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีเรือดำน้ำเฝ้าระวัง หากเราไม่มีความพร้อมเท่าเขาอาจทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติได้ และหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็จะมาโทษทีหลังว่าทำไมไม่ซื้อ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดตอนนี้ก็เข้าใจได้ แต่ไม่ใช่กองทัพเรือที่เสนอซื้อเรือดำน้ำ แต่ทุกหน่วยงานก็เสนอซื้อเครื่องมืออย่างอื่นด้วยเช่นกัน.