เมื่อวันที่ 22 ก.ค.นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะทีมที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยว่า  วันเดียวกันนี้ น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล หรือ มิลลิ แร็พเปอร์ วัย 18 ปี เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.นางเลิ้ง กับ พ.ต.อ.อธิชย์ ดอนนันชัย รอง ผกก.สน.นางเลิ้ง เจ้าของคดี โดย น.ส.ดนุภา ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ข้อหาดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการโฆษณา มาตรา 393 พร้อมให้การรับสารภาพ ว่า ได้กระทำความผิดจริงได้โพสต์ข้อความ พร้อมสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก โดยยอมให้ทำการเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท และลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว จึงไม่ได้ติดใจเอาความ และไม่ได้ส่งเรื่องต่อศาลอีก และถือว่าคดีสิ้นสุดเนื่องจากเป็นคดีลหุโทษ ส่วนการจะกระทำความผิดซ้ำอีกหรือไม่ก็ต้องดูต่อไป เนื่องจากได้ลงบันทึกประจำวันไว้ว่าจะไม่กระทำผิดกฎหมายอีก 

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนได้ไปแจ้งความ น.ส.ดนุภา หรือมิลลิ ไว้เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา กรณีดูหมิ่นด้วยการโฆษณาโดยเป็นการโพสต์ทวิตเตอร์และในโซเชียลมีเดีย โดยใช้ถ้อยคำที่เป็นการดูหมิ่น ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งทางคณะกรรมการได้ตรวจสอบแล้วว่าในข้อความดังกล่าวเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียจึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ยืนยันว่าคดีดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามเรื่องการ Call Out ที่เป็นกระแสที่ทั้งดารานักแสดงหรือประชาชนทั่วไปออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลกับคดีดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการโฆษณานั้น การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถือว่าทำได้แต่ขอให้อยู่ในกฎหมายไม่ทำให้คนอื่นเสียหายไปด้อยค่า ว่ากล่าว ด่าทอคนอื่น หรือใช้คำพูดคำเชิญชวนให้ไปทำร้ายคนอื่นถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งไม่สามารถทำได้การจะเสนอแนะการทำงานของรัฐบาลสามารถทำได้ด้วยความสุจริตแต่การใช้คำพูดข้อความที่เป็นการยุยง ปลุกปั่นหรือให้ร้ายผู้อื่น มีกฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้วว่าเป็นความผิดและคนที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องรับผิดชอบตรงนี้ไป

“ฝากเตือนไปยังศิลปินดารา ที่มีทั้งชอบและไม่ชอบรัฐบาลก็ตาม การจะให้ความเห็นเสนอแนะที่เป็นสุจริตสามารถทำได้ แต่การด้อยค่าว่ากล่าวให้ร้ายคนอื่นมีกฎหมายบัญญัติไว้อยู่แล้วว่าเป็นการดูหมิ่นประมาทอันนี้ถือว่าผิดกฎหมายทำไม่ได้ ต้องขอให้แยกแยะด้วย” นายอภิวัฒน์ กล่าว.