สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ว่า ทำเนียบขาวเผยแพร่แถลงการณ์ ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมจัดการประชุมสุดยอด ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ระหว่างวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 45 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ ระหว่างสหรัฐกับอาเซียน
Biden to host Asean leaders for Washington summit in March amid China worries https://t.co/uV2O6cI4nB
— SCMP Asia (@SCMPAsia) March 1, 2022
ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐเน้นย้ำการมีส่วนร่วมและความเป็นหุ้นส่วนของสหรัฐต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก “ที่มีความเป็นเสรีและเปิดกว้าง” ด้วยการยกระกับความสัมพันธ์กับอาเซียน เพื่อให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “เป็นศูนย์กลาง” ขณะเดียวกัน ไบเดนยังกล่าวถึง “การให้ความสำคัญ” ของรัฐบาลวอชิงตันต่ออาเซียน การรักษาไว้และส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี “คือหมุดหมายของการธำรงไว้ซึ่งความยืดหยุ่น ความรุ่งเรือง และความมั่นคงของภูมิภาค
In his opening remarks to Southeast Asian leaders at a virtual summit, President Biden said the U.S. was committed to the central role of the 10-nation ASEAN in the region and ASEAN nations can expect him to personally show up in the region in future https://t.co/K1RwV0sv59 pic.twitter.com/Q1D4deIBw8
— Reuters (@Reuters) October 26, 2021
ขณะที่นายเคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานด้านกิจการอินโด-แปซิฟิก สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ ว่าการที่อิทธิพลของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก “เพิ่มขึ้นมาก” รัฐบาลวอชิงตันจำเป็นต้องเร่งดำเนินการกำหนดกรอบความร่วมมือ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการค้า
อย่างไรก็ตาม แคมป์เบลล์ยืนยันว่า รัฐบาลวอชิงตัน “ไม่ต้องการครอบงำ” ประเทศใดก็ตามในภูมิภาคแห่งนี้ เนื่องจากท้ายที่สุดแล้ว สหรัฐและจีน “จะสามารถอยู่ร่วมกันได้” บนหลักการของความเข้าใจต่อ “ความสำคัญ” เกี่ยวกับบทบาทของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
นอกจากนี้ สหรัฐจะยังคงเดินหน้าการแสดงบทบาทของ “ความเป็นผู้นำบนเวทีโลก” และรัฐบาลปักกิ่งไม่ควร “ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด” ด้วยการ “ตัดอเมริกาออกจากเกม”
ส่วนนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า อินโด-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่กำลังมีความสำคัญมากขึ้น ในด้านของพลวัตการเมืองระหว่างประเทศ ทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันปกป้องสถานภาพของตัวเอง ไม่ให้อยู่ภายใต้การข่มขู่และการใช้อำนาจบาตรใหญ่ “ของจีน”.
เครดิตภาพ : REUTERS