สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก สูงขึ้นผ่านหลัก 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อวันพุธ ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปี จากปัจจัยบรรดานักลงทุนมีความกลัวมากขึ้น เกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามยูเครน ต่อแหล่งพลังงานโลก และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น แม้จะมีข้อตกลงระหว่างประเทศ ให้ปล่อยน้ำมันดิบสำรองออกสู่ตลาด 60 ล้านบาร์เรล เพื่อพยายามควบคุมไม่ให้ราคาสูงขึ้น

คาร์ลอส คัสซาโนวา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคาร ยูบีพี ในฮ่องกง ยังมีช่องทางที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นอีก โดยส่วนหลักมาจากปัจจัยทางการเมือง

บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งสหรัฐ “เอ็กซอน โมบิล” ประกาศเมื่อวันอังคารว่า จะถอนตัวจากปฏิบัติการในรัสเซีย รวมถึงแหล่งผลิตน้ำมันหลายแห่ง หลังการตัดสินใจแบบเดียวกัน ของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่อังกฤษคือ บีพี และเชลล์ และบรัทอีควินอร์ของนอร์เวย์

การประกาศของเอ็กซอน โมบิล มีขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลก ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เช้าวันพุธ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ สุงขึ้นกว่า 5.8% ไปอยู่ที่ 111.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2557 ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส พุ่งขึ้นเช่นกันเกือบ 6% ไปอยู่ที่ 109.29 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดตั้งแต่เดือน ก.ย. 2556

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญ รวมถึงโลหะ และธัญพืช พุ่งสูงเช่นกัน โดยราคาข้าวสาลีสูงขึ้นในรอบ 14 ปี และปรับตัวสูงขึ้น 30% ในช่วง 1 เดือนล่าสุด

หลายฝ่ายวิตก มาตรการคว่ำบาตรของกลุ่มชาติตะวันตก จะตัดขาดการส่งออกของรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมัน รายใหญ่สุดอันดับ 3 ของโลก.

เครดิตภาพ – Reuters
เครดิตคลิป – CNBC Television, KENS 5: Your San Antonio News Source