จากกรณีที่นักแสดงสาวชื่อดัง แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ได้พลัดตกเรือสปีดโบ๊ตจมแม่น้ำเจ้าพระยา เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 26 ก.พ. ถึงพบร่างดาราสาวลอยอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาตรงท่าน้ำพิบูลสงคราม 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี

ต่อมา นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ เจ้าของเรือสปีดโบ๊ต, นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน, น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม และ นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือ จ๊อบ ซึ่งอยู่บนเรือลำดังกล่าว เดินทางมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องต่างติดเทรนด์กันข้ามวัน

ขณะที่ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต วานนี้ (1 มี.ค.) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมแตงโม ยังไม่มีโอกาสได้เขียนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เอาล่ะ ขอเครียดแบบซีเรียสนิดนึง นี่คือข้อสังเกตค่ะ

1.พลัง public opinion โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดียมันล้นหลาม ในช่วงที่ผ่านมา ที่เห็นดิชั้น fanatical กับเรื่องแตงโม เพราะต้องการทดสอบไอ้พลังของ public opinion อันนี้ มันมีผลอย่างมากในการชี้นำการพิจารณาคดี ที่สำคัญ อาจจะนำไปสู่การชี้นำกฎหมายก็ได้ โดยเฉพาะในบริบทของไทย ที่การบังคับใช้กฎหมายยังอ่อนแอ และลื่นไหลไปตามกระแสสังคม

2.คนไทยพร้อมถูกสะกดจิตหมู่ collectively hypnotised โดยเอามาตรฐานทางศีลธรรมแบบสมบูรณ์มาเป็นเครื่องนำทาง แม้ว่าในชีวิตประจำวันของเราจะไม่ได้ปฏิบัติตามหลักศีลธรรมนั้น ๆ ตอนนี้ ใครที่เสนอความเห็นเรื่องแตงโม นอกลู่ไปจากหลักศีลธรรม จะถูกห้ำหั่น in some ways บุคคลทั้ง 5 ที่ยังมีชีวิตได้ถูกพิพากษาไปแล้ว

ตอนนี้ แม้แต่การพูดถึงอดีตที่ไม่พึงประสงค์ของแตงโมก็เป็นเรื่องผิด (ดิชั้นใช้คำว่าพูดถึงนะคะ ไม่ได้ไปไกลกว่าวิจารณ์เลย) มันเกิดปรากฏการณ์ compassion แบบเหมารวม คือการให้ความเห็นใจแก่ผู้ตายต้องให้ทั้งหมด ห้ามกล่าวถึงในทางลบทั้งสิ้น อันนี้หมายรวมถึง ห้ามพูดถึงความประมาทที่อาจเกิดจากตัวผู้ตายเอง

3.บทบาทของผู้ชี้นำสังคมอย่างพี่ หนุ่ม กรรชัย แม้ดิชั้นได้เขียนไปขอบคุณในเรื่องการเป็นปากเสียงชาวบ้าน แต่ดิชั้นไม่แน่ใจว่านี่เป็นบทบาทที่เหมาะสมของผู้ดำเนินรายการหรือไม่ ที่ต้องคงความเป็นกลาง (ให้มากที่สุด) และรายงานข้อเท็จจริง แทนที่จะเป็นการรายงานอารมณ์ การเลกเชอร์แขกที่มา

ทั้งนี้ พี่หนุ่ม รู้ว่ากระแสสังคมอยู่ที่ไหน และต้องการ capitalise จากกระแสอันนั้น เพื่อความสำเร็จของรายการและตัวพิธีกร เช่นกัน ในรายการนั้น มันมีการพิพากษาเกิดขึ้นแล้วเหมือนกัน อันนี้ค่อนข้างโหด คือคนไทยชอบดูการเชือดกลางรายการแบบสด ๆ อย่างนี้มาก

4.สุดท้าย ทำไมคดีแตงโมถึงกลบทุกข่าว ทำไมเวลามีคนหาย คนตาย คนถูกอุ้ม คนอื่นจึงไม่สามารถสร้างพลังได้เท่านี้ อย่าลืมว่า คนไทยเกือบทุกคนรู้จักแตงโม โตมากับแตงโม เรียกว่ารู้จักเหมือนคนรู้จัก มันเป็นมายาคติ แล้วสังคมไทยนิยมสร้างมายาคติแบบนี้ ดาราที่ต่อสู้เพื่อชีวิต มาจากครอบครัวที่แตกแยก ผิดหวังกับความรัก ไม่สมหวังกับชีวิต ผ่านอุบัติเหตุและการฆ่าตัวตาย หลงผิดทางการเมือง จนตาสว่างทางการเมือง และพบรักแท้ แต่ต้องมาจบชีวิตแบบนี้

ส่วนกรณีอื่น ๆ โดยเฉพาะคนที่ถูกอุ้มหาย คนเหล่านั้นคือประเด็นทางการเมืองที่มายาคติแบบนี้มันเข้าไม่ถึงเท่านั้นเอง ขอบคุณค่ะ”

ล่าสุดวันนี้ นายปวิน ได้โพสต์ข้อความว่า เมื่อสักครู่นี้ พี่หนุ่มกรรชัยโทรฯ มาหาค่ะ คุยประมาณ 15 นาที พี่หนุ่มกังวลใจว่าดิชั้น (และเพื่อนคนอื่น ๆ) จะเข้าใจผิด (หลังจากที่ข่าวสดเอาสิ่งที่ดิชั้นเขียนถึงพี่หนุ่มไปลงข่าว) เกี่ยวกับเรื่องบทบาทการเป็นพิธีกรในวันนั้น แล้วพี่หนุ่มเล่าว่าการสัมภาษณ์ครั้งนั้นมันมีที่มาที่ไปอย่างไร และได้ย้ำว่า ไม่มีเจตนาไปเลกเชอร์แขกที่มาร่วมในงาน รายการไม่มีสคริปต์ ไม่ได้เตี้ยมอะไร เป็นไปตาม flow ของการสนทนา ส่วนหนึ่งต้องการให้แขกที่มาได้ใช้โอกาสอธิบายต่อสาธารณชน จึงอาจดูว่าคำถามหรือการแสดงความเห็นชี้นำจนเกินไป พี่หนุ่มรู้สึกห่วงว่าดิชั้นจะเข้าใจผิด จึงอยากโทรฯ มาอธิบาย ส่วนตัวดิชั้นบอกตรง ๆ ว่า อยากแนะนำในฐานะกัลยาณมิตรจริง ๆ ซึ่งที่จริง ดิชั้นจะอวยว่าวันนั้นพี่หนุ่มทำดีมาก ๆ ก็ได้ แต่มันขัดกับความรู้สึก และเพื่อน ๆ หลายคนก็คิดแบบเดียวกับเรา จึงอยากฝากเป็นคำแนะนำ เพราะตอนนี้ พี่หนุ่มและโหนกระแสได้ขึ้นถึงจุดพีคมาก ๆ แล้ว อยากให้พี่หนุ่มทำงานนี้แบบ perfect กว่านี้ขึ้นไปอีก ซึ่งพี่หนุ่มก็น้อมรับคำแนะนำแล้วบอกว่าจะนำไปแก้ไขปรับปรุงต่อไป

อยากขอให้เพื่อน ๆ เข้าใจตรงนี้ด้วยค่ะ ว่าพี่หนุ่มไม่มีเจตนาแบบนั้น การรับคำชมย่อมง่ายกว่าคำติ เรื่องนี้ดิชั้นนับถือพี่หนุ่มมาก ๆ ที่รับคำติดิชั้นด้วยความยินดี

อ้อ อันนี้ดิชั้นบอกพี่หนุ่มแล้วว่าจะเอาเรื่องนี้มาเขียนต่อให้เพื่อน ๆ อ่านค่ะ