ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม นิดา” ที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต ลงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา หลังไปดินเนอร์ร่วมกับกลุ่มเพื่อนรวม 6 คน

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มี.ค. เชียร์-ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์, แต๊งค์-พงศกร มหาเปารยะ ร่วมด้วย พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรอง ผบก.กต. และเลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรอง ผบช.น. ได้ร่วมกันแสดงความเห็นผ่านรายการ “โหนกระแส” ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย

โดย “เชียร์ ฑิฆัมพร” ได้เผยข้อคาใจของเธอว่า ตั้งแต่วันเกิดเรื่องจนวันนี้ที่ใบพัดหาย มันเลยมีคำถามเกิดขึ้นว่ามีกระบวนการทำงานอย่างไรกันแน่ ถ้าบอกว่าพยานวัตถุสำคัญ แต่ทำไมวันแรกไม่มีการอายัดเรือ เพราะเรือที่เป็นพยานได้ดีที่สุด กับพยานบุคคลก็ไม่อยู่อีก มันทำให้เรารู้สึกว่าพยานทุกอย่างมันหายไปไหน เชียร์ไม่ได้มองว่าเป็นการวางแผนล่วงหน้า แต่ทำไมเป็นเหตุที่เป็นปริศนาไปทั้งหมด ตำรวจอยู่บนความคาดหวังของประชาชนที่จะต้องทำให้กระจ่างแจ้ง ก็เป็นประเด็นที่ต้องตั้งคำถาม วันนี้กระบวนการสืบสวนั้นมีข้อสงสัยเต็มไปหมด ถ้าประชาชนไม่เชื่อมั่นแล้วมีคำถามขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนชุดสืบสวนได้หรือไม่ “กรณีแบบนี้ เจ็บ จ่าย จบ รึเปล่า มันเลยเป็นคำถามประชาชนรวมถึงความสงสัยของพวกเราทุกคนค่ะ”

ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ เปิดเผยว่า ต้องยอมรับกระบวนการของเจ้าหน้าที่ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้สังคมคลายความสงสัย อย่างเรื่องความเร็วเรือก็บอกไม่ได้ ซึ่งการตายของแตงโมเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ พฤติกรรมที่ตายนี่แหละที่เป็นปัญหา ซึ่ง “แซน” นั้นถือว่าเป็นพยานที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นคนเดียวที่เห็นตอนแตงโมตก ส่วนเรื่องที่มีการเปลี่ยนสถานที่ชันสูตร ก็ต้องถามว่าใครเป็นคนสั่งให้ย้าย จะเป็นส่วนของความบกพร่องหรือปัญหาสารพัด ก็เป็นเรื่องที่ตำรวจจะต้องปรับปรุง เพราะประชาชนตั้งข้อสงสัย เรื่องการวางแผนฆาตกรรมสลับซับซ้อนนั้น ยังไม่เห็น แต่เรื่องการพูดจาต่างๆ ไม่ตรงกัน อาจจะเป็นเพราะประมาทตื่นตระหนกได้ แต่จะมีการล่วงเกิน ทำร้ายร่างกายไหมนั้น ยังไม่มีข้อมูล

“คดีนี้ที่มันมีเงื่อนงำ น่าจะเป็นการปกปิดในเรื่องวัตถุประสงค์ในการลงเรือ ก็ทำให้ดูหลบนักข่าว ไม่ให้ข้อมูลจนเกิดข้อสงสัยว่าทำไมต้องปกปิด ในทรรศนะผม เรื่องนี้อาจจะมีการติดคุกไม่ 100% ตำรวจของคดีควรมานั่งตรงนี้ มาตอบคำถาม เลิกสักทีกับคำว่าอยู่ในสำนวน ตำรวจไม่กลัวการแถลงหรอก แต่กลัวการถูกซักนี่แหละ”

นอกจากนี้ ทางด้าน พล.ต.ต.วิชัย ได้กล่าวว่า เมื่อเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ สิ่งที่ตำรวจต้องหาหลักฐานคือพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุที่ตกอยู่ในเรือ และพยานนิติวิทยาศาสตร์ นี่คือหลักฐานสำคัญ ถ้าถามว่าเป็นฆาตกรรมไหม ก็ต้องมีเหตุจูงใจ จากประสบการณ์ไม่เป็นฆาตกรรม หนักสุดคือทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุแก่ความตาย ถ้าเอามีดมาเฉือน เลือดจะต้องเต็มเรือ แล้วจะทำอย่างไรให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานไม่เจอ อย่างนี้มันหนีไม่พ้น สิ่งที่จะยืนยันได้ว่าถ้าที่ขาถูกหั่นโดยใบพัดเรือ ก็จะยืนยันได้ว่าตกตรงนั้น แต่ถ้าเสียชีวิตเป็นวันไปแล้ว อะไรมาหั่นก็ไม่มีรอยเลือด

หลักการสืบสวนสอบสวน บางเรื่องก็ไม่แถลง หรือแถลงไม่ได้ จะออกมาที่จำเป็นเท่านั้น ประชาชนต้องเข้าใจ ผมไม่ได้เข้าข้างตำรวจนะ เพราะคราวหลังเมื่อขึ้นศาลทางทนายจะมาโต้แย้งได้ ส่วนเรื่องเรือ ตามหลักการเมื่อเกิดเหตุต้องเก็บไว้ แต่ ณ เวลานั้น ตำรวจยังไม่มา สำคัญที่ว่าเมื่อไปจอดแล้ว ทำลายหลักฐานหรือไม่ ถ้าทำลายถึงว่าเป็นความผิด โดยส่วนตัวมองว่า ตำรวจไม่ได้ทำงานช้า

คดีนี้จะเอาอารมณ์ความรัก ความโกรธ เข้ามาไม่ได้ เพราะคดีไทยเราใช้กฎหมาย ถ้าพูดไม่ตรงอะไรต่างๆ ตำรวจจะนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลเอง ทุกอย่างที่มีการสงสัยนั้น ตำรวจเก็บไว้หมดแล้ว ยิ่งมีพิรุธมากเท่าไหร่ยิ่งมีประโยชน์ต่อคดี

ถ้าถามว่าคดีแตงโมนานไหมนั้น หลังจากพบศพ ตอนนี้ผ่านมา 5 วัน ตอนนี้เผลอๆ รอผลตรวจนิติวิทยาศาสตร์ ก็อาจจะสรุปได้เลย ซึ่งการที่บอกว่าแซนดึงขาแล้วแตงโมหล่นลงไปก็มีความเป็นไปได้ แต่ถ้าแซนโกหก แล้วให้การไม่ตรงกับคนอื่นหรือหลักฐานที่ได้ ก็จะโดนอย่างแน่นอน จากประสบการณ์ก็เชื่อว่าแบบนี้มันคืออุบัติเหตุแบบมีเงื่อนงำ แต่การทำงานของตำรวจ ถ้าตรวจสอบไม่ละเอียดเก็บหลักฐานไม่ครบ ก็อาจจะทำให้คดีพลิกได้

“ตำรวจเองต้องรู้ว่า ตัวเองทำให้สังคมคลางแคลงใจ เวลามีเหตุแล้วเกิดบาดแผลบนร่างกาย คือรอยบาดแผล เวลาของบาดแผลกับความเกี่ยวข้องกับคดี ในมุมคนที่ให้ตำรวจไปลบภาพแบบนี้ ผมมองว่าใช้ไม่ได้ ถ้าเป็นคนปกติต้องบอกตำรวจเลย พูดตรงๆ นะ ตำรวจต้องเร่งรัดทำคดีให้เสร็จโดยเร็ว ต้องเร่งรัดแถลงให้ประชาชนทราบว่า ทำคดีไปถึงไหนแล้ว ที่สังคมด่าทุกวันนี้คือคุณไม่แถลง ไม่ต้องถึงในสำนวนก็ได้ แต่ต้องแถลงกระบวนการทำว่าทำอะไรไปบ้างแล้ว แบบนี้ทำได้ไม่ผิดกฎหมาย”..