เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงผลการประชุม ซึ่งตรวจสอบการแก้ไขหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ พ.ช. โดยการแก้ไขระวางรูปแผนที่ทางอากาศ หมายเลข 5241 IV แผ่น 7 และ แผ่น 8 มีผลให้ตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของประชาชน จนเป็นเหตุให้ผู้ร้องถูกดำเนินคดี ว่า ที่ประชุมได้เชิญเจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ได้ยืนยันถึงกรณีดังกล่าวว่าทำอย่างถูกต้อง โดยประชาชนที่มีคดีและถูกต้องซึ่งศาลมีคำสั่งเป็นที่สุดแล้วนั้น ได้ยึดแนวปฏิบัติที่ดำเนินการตามขั้นตอน แต่จากการลงพื้นที่ของคณะตน ที่ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พบว่าการออกเอกสารนั้นไม่ตรงกับแนวที่กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศไว้ เมื่อปี 2469 ว่าให้เป็นเขตพื้นราบเพื่อเลี้ยงสัตว์ จำนวน 1 หมื่นไร่ อีกทั้งพื้นที่ที่ชาวบ้านถูกร้องและถูกดำเนินคดีถึงขั้นจำคุก ที่มียอดว่า 23 รายนั้น อยู่นอกแนวเขตประกาศของกระทรวงมหาดไทย

“จากการประชุม ทราบว่ากรมที่ดิน จ.เพชรบูรณ์ จะเข้าไปรางวัดที่ดินอีกครั้งในวันที่ 23 มีนาคมนี้ ซึ่ง กมธ.ต้องติดตามและตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่า จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เพราะในปัจจุบัน พื้นที่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ปี 2469 นั้น ปัจจุบันแนวเขตโดยรอบมีสภาพเป็นบ้านจัดสรร และที่มีดินของนักการเมือง รวมถึงคนใหญ่คนโตในพื้นที่ ดังนั้น หากกรมที่ดินดำเนินการไม่ตรงแนว จะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอีกจำนวนมาก” นายธีรัจชัย กล่าว

นายธีรัจชัย กล่าวด้วยว่า ในการประชุมครั้งถัดไป จะเชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าให้ข้อมูลและชี้แจงประเด็นข้อซักถามต่าง ๆ เพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี ในคดีที่ชาวบ้านถูกฟ้องร้องและศาลมีคำพิพากษาไปนั้น จากการลงพื้นที่พบว่า พื้นที่สภาพเป็นเนิน ไม่ใช่ที่ราบเลี้ยงสัตว์ อีกทั้งกรมแผนที่ทหารที่ดำเนินการจัดทำแผนที่ทางอากาศยืนยันว่าแนวเขตที่ออกเอกสารไปแล้ว จำนวน 1,917 ไร่ ไม่ตรงกับแนวเส้นตามประกาศมหาดไทยปี 2469 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ ต.นางั่ว และ ต.ป่าเลา อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ อีกทั้งตามคำให้การของกำนันในยุคที่ทำรางวัดที่ดิน ไม่ทราบเรื่องและไม่ได้เข้าไปชี้แนวเขต

“กมธ.ปราบโกง ตั้งใจทำเรื่องร้องเรียนนี้ให้เป็นบรรทัดฐานของการปฏิบัติหน้าที่และคลี่คลายปัญหาให้ชาวบ้านที่พบการออกเอกสารสิทธิของราชการทับซ้อนกับที่ดินของชาวบ้าน ที่ต้องดำเนินการให้ตรงไปตรงมา” นายธีรัจชัย กล่าว.