เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 มี.ค. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) เป็นประธานการประชุมหารือการขับเคลื่อนของคณะทำงาน Change for Good ของกระทรวงมหาดไทย ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัด มท. ด้านบริหาร รองศาสตราจารย์วรวรรณ โรจนไพบูลย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาปลัด มท. นายบุญธรรม ถาวรทัศนกิจ ผู้อำนวยการสถาบันดำรงราชานุภาพ และคณะทำงาน Change for Good ของกระทรวง มท. จำนวน 51 คน เข้าร่วมการประชุม

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า คณะทำงาน Change for Good ของกระทรวง มท. เป็นการรวมบุคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีความเสียสละ และความตั้งใจในการขับเคลื่อนภารกิจ Change for Good สร้างสิ่งที่ดีให้กับสังคมไทย เป็นผู้ที่มีทัศนคติ หรือ Attitude เชิงสร้างสรรค์ ในการที่จะทำความดี เพื่อชาติบ้านเมือง มีกำลังใจรุกรบ ห้าวหาญ กล้าคิด กล้าแสดงออก และกล้าที่จะลงมือทำสิ่งที่ดีออกไปในนามของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงกรม รัฐวิสาหกิจในสังกัด และภาคีเครือข่าย มีเป้าหมายหลัก 2 ประการ คือ 1.รวมกลุ่มเพื่อริเริ่มนำเสนอสิ่งดีๆ ที่อยากทำให้ผู้บังคับบัญชาทำตามให้ได้ และ 2.มุ่งมั่นที่จะน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปปฏิบัติ นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกระดับและทุกพื้นที่ โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย นครนายก อุบลราชธานี จันทบุรี และนครศรีธรรมราช

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า การที่จะริเริ่มทำสิ่งใด จะต้องเกิดความเลื่อมใสศรัทธาและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองก่อน เช่น ในวิถีชีวิตของเราทุกคน จะต้องรู้จักการพึ่งพาตนเองและดำรงชีวิตอย่างมีเหตุมีผล มีการใช้จ่ายตามฐานานุรูป ไม่ใช่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัว มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ก็จะทำให้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หากเราจะเป็นต้นแบบให้คนอื่น ตัวของเราเองจะต้องทำด้วย เช่น เราจะสร้างความมั่นคงด้านอาหาร จะเชิญชวนพี่น้องประชาชนปลูกผักสวนครัว แต่เราไม่เคยทำ อย่างนี้ก็ไม่เรียกว่าต้นแบบที่ดี หรือถ้าเราอยากให้สิ่งแวดล้อมดี เราก็ต้องเคยคัดแยกขยะเสียก่อน หรือแม้แต่สิ่งที่ทำได้ง่าย เริ่มต้นได้ในทุกเช้า เช่น การใช้น้ำและไฟฟ้าอย่างประหยัดด้วยการไม่เปิดน้ำหรือไฟฟ้าทิ้งไว้ เพียงเท่านี้ก็เป็นการช่วยประหยัดพลังงานและลดโลกร้อนแล้ว

“หลักการพัฒนาจะต้องเริ่มจากการพัฒนาตัวเองก่อน โดยกระบวนการฝึกอบรมจะเป็นส่วนสำคัญที่จะเสริมสร้างให้กระบวนการพัฒนาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งในแง่พฤติกรรม องค์ความรู้ และจิตใจที่กล้าแสดงออก กล้าทำในสิ่งที่ดี” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แต่งตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.1) เป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (อขจพ.) ซึ่งได้มีการประชุมซักซ้อมแนวทางขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว 2 รุ่น คือ รุ่นที่ 1 ภาคเหนือที่จ.เชียงใหม่ และรุ่นที่ 2 ภาคใต้ ที่ จ.สงขลา และกำลังจะจัดรุ่นที่ 3 ภาคกลาง รวม จ.นครสวรรค์และ จ.อุทัยธานี) ที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 7 มี.ค. 65 และรุ่นที่ 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.ขอนแก่น ในวันที่ 11 มี.ค. 65 โดยมีจุดเน้น คือ กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ขับเคลื่อนกระบวนการ และกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาแบบพุ่งเป้าตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงต่างๆ ไปพร้อมกัน ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีที่คณะทำงาน Change for Good ของกระทรวง มท. จะมีส่วนร่วม ทั้งการสังเกตการณ์ การศึกษาเรียนรู้ และขยายผลทั้งภายในองค์กรและภาพรวมของกระทรวง มท. ให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมขึ้นอย่างยั่งยืน

“นิยามของความยากจน หมายถึง ความเดือดร้อนทุกเรื่องที่ประชาชนประสบอยู่แล้วไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ทั้งที่อยู่ใน TPMAP และที่สำรวจพบโดยทีมงานของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา โดยมอบหมายให้ทีมพี่เลี้ยงที่แต่งตั้งจากทุกภาคส่วนช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งในระยะสั้น เป็นการแก้ไขให้หายเดือดร้อนเฉพาะหน้า เช่น ไม่มีบ้านอยู่ ก็ช่วยกันสร้างบ้านให้อยู่ เปรียบเหมือนยาฝรั่ง ส่วนยาไทยอย่างยั่งยืน ต้องน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาสู่วิถีชีวิตของทุกคน” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น ทั้งในการที่จะเสาะแสวงหาความรู้ การช่วยเหลือขยายผลการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งภายในกรม/รัฐวิสาหกิจ และภาพรวมของกระทรวงมหาดไทย ด้วยการลงพื้นที่ศึกษาหาประสบการณ์จากสถานที่จริง ทั้งเชียงรายนครนายก อุบลราชธานี จันทบุรี และนครศรีธรรมราช อันจะส่งผลต่อการพัฒนาในระดับประเทศ จึงขอฝากให้ทีมงาน Change for Good ทุกคน มีจิตใจที่เข้มแข็ง รุกรบ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นคนของพระราชา เป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คิด ริเริ่ม สร้างสรรค์ นำเสนอสิ่งที่ดีเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้ทำตามสิ่งที่เราคิด อันจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและสังคมไทยอย่างมหาศาลและยั่งยืน.