มีประเด็นให้ได้ติดตามกันตลอดสำหรับเรื่องราวคดีการตายปริศนาของดาราสาวสวย แตงโม นิดา ที่หลายฝ่ายกำลังเดินหน้าไขความผิดปกติกันอยู่ ซึ่งก็มีประเด็นออกมาให้สังคมได้คิดและสนใจอยู่ตลอด ทั้งปมเส้นผมที่ โรเบิร์ต หนึ่งในคนบนเรือ ไม่ยอมให้ ไหนจะเรื่องการแผลศีรษะที่มีคนโทรฯ มาบอก ไหนจะเรื่องไฟพระราม 8 ที่หลายคนสนใจ

ล่าสุด “เดลินิวส์ออนไลน์” ในรายการช่วง “ทอล์คกับเธอ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักแสดงสาวสวยคนดัง ต่าย-สายธาร นิยมการณ์ หนึ่งในคนกู้ภัยที่ไปช่วยค้นหาร่างสาวแตงโมตั้งแต่วันแรก ซึ่งสาวต่ายให้ความเห็นในมุมต่างๆ ที่น่าสนใจมากๆ โดยมีบางช่วงบางตอนดังนี้

ต่าย เผยว่า “เรื่องบาดแผลที่ศีรษะที่มีข่าวออกมาของน้องโม คือตอนนี้หลากหลายข้อมูลเนอะ เราก็ต้องขอบคุณเขาเนอะ แต่เรื่องนี้ต้องใช้วิจารณญาณ ต่ายโดนส่งข้อมูลมาให้เยอะมาก อยากจะแนะนำว่าให้ส่งข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่า หรือทางทนายหรือคนที่เกี่ยวข้องมากกว่า มันส่งผ่านไปมาแล้วข้อความเปลี่ยน มีคนติดต่อให้ข้อมูลเยอะมาก และสุดท้ายมาออกในโซเชียลหมดแล้ว ทางเราไม่มีหน้าที่ไปก้าวก่ายตรงนั้น แต่ถ้าคุณมีหลักฐานส่งให้เจ้าหน้าที่โดยตรงดีกว่า ที่จะส่งต่อไปเรื่อยๆ ถ้ามั่นใจในหลักฐานนะ ลองส่งไปดูดีกว่า เพราะบางทีการที่นำมาเผยแพร่ก่อนจะทำให้คนร้ายไหวตัวทัน เลยแนะนำมอบให้ตำรวจดีกว่า เรื่องไฟสะพานพระราม 8 ต้องปิดสามทุ่มไหม อันนี้ต้องเล่าก่อนว่ากู้ภัยทำในส่วนของกู้ภัยจริงๆ ไม่ได้ยุ่งเลย แล้วพอหมดหน้าที่แล้วก็ตามดูข่าวสารต่อ ว่าจะอะไรยังไงต่อ เป็นหน้าที่ของนักสืบโซเชียลแล้ว เพราะ พี่ต่ายไม่ถนัดในเรื่องสถานที่หรือในเรื่องของบาดแผล เราพูดไม่ได้ เพราะเวลาที่เราพูดอะไรออกไปแล้วคือเราเป็นนักแสดง สองด้วยความที่เราทำอยู่มูลนิธิร่วมกตัญญูเวลาที่มันเสีย จะเสียทั้งองค์กร ไม่สามารถพูดอะไรเลื่อนลอยได้ถ้าไม่มีหลักฐานที่แท้จริง แล้วในเรื่องของคดีความเรายุ่งไม่ได้เลย แต่เราสามารถให้ข้อมูลได้ถ้าเรามีข้อมูลนะเราควรให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจค่ะ”

“เคสนี้ถามว่าจบลงยังไงในมุมต่ายมันมีหลายเรื่องคลางแคลงใจเนอะ ไม่ใช่แค่ต่ายคนเดียวมันทั้งประเทศ เราอ่านข่าวกัน เหมือนกันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของเส้นผมหรืออะไรแบบนี้ มันเป็นตรรกะที่ฟังดูแล้วค่อนข้างแย่ คือหวงผมแล้วจะไปบวช แล้วหวงผมแล้วยังไง อย่างที่น้องเชียร์ ฑิฆัมพร พูด ถ้าเราไปต่อผมมา เราไม่ให้เส้นผมได้เหรอ ชาวบ้านถามหน่อยว่าถ้าเขาบอกว่าไปปลูกผมมา หวงผมก็ได้เหรอ เส้นผมตรวจสารเสพติด ตรวจอะไรได้เยอะมาก มันมีประโยชน์มาก เส้นผมเส้นเดียวเองนะ ขอได้ไหมอะ (หัวเราะ) มันฟังแล้วเหมือนเล่านิทานให้เด็กฟัง เด็กก็ยังไม่เชื่อ เรื่องตรงนี้สุดท้ายแล้วก็มาบอกว่าเป็นคนขับ คือถ้าเป็นเรื่องนี้จริงๆ ทำไมไม่บอกแต่แรก จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย”

ต่าย เล่าต่อว่า “ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเชื่อทั้งหมดเท่าไหร่ ไม่เชื่อกับคำให้การ ยังรอดูว่ายังไง รอเหมือนทุกคน งงกับตรรกะเส้นผมนี่แหละ ถามว่าในเคสแบบนี้ที่เจอมาไม่ให้เส้นผมได้ไหม อันนี้พี่ต่ายไม่ทราบค่ะ เป็นเรื่องของคดี เราต้องถามเจ้าหน้าที่ว่า ถ้าเป็นประชาชนทั่วไป ไม่ให้ได้ไหม ความเท่าเทียมมันเท่ากันไหมอ่ะ ความเป็นธรรมเท่ากันไหม ถ้าคนอื่นเคสอื่น ที่ไม่ใช่เคสของน้อง ไม่ให้ได้ไหม ถ้าเกิดในอนาคตมีเคสอีกในกรณีคล้ายกันเขาไม่ให้เส้นผมได้ไหม แล้ววันแรกแทนที่จะตรวจแอลกอฮอล์ ไม่ตรวจ เคสนี้จะเป็นบทเรียนสำหรับหลายๆ คนและเจ้าหน้าที่ว่า เกิดวันข้างหน้ามีเหตุแบบนี้อีก เขาก็หนีกลับบ้านกันหมดแล้วค่อยมาตรวจ แทนที่จะตรวจตั้งแต่วันแรก แล้วอย่างนี้ถามว่าประชาชนจะไว้ใจในกระบวนการยุติธรรมได้แค่ไหน”

ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม melonp.official