แม้วันนี้ อดีตพระเอกดังระดับตำนานอย่าง เอก สรพงศ์ ชาตรี จะเสียชีวิตไปจากโรคมะเร็งปอด ท่ามกลางความตกใจและเสียใจของแฟนๆ แล้ว แต่ชื่อและคุณงามความดีของเขายังคงเป็นที่พูดถึงและระลึกถึงของแฟนๆ อยู่เสมอ ซึ่งเรื่องราวของสรพงศ์นั้น ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลนักสู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน และเส้นทางการเข้าสู่วงการของเขานั้นไม่ได้ง่ายเลย เขาเคยเป็นเด็กยกของในกองถ่าย และฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนเป็นพระเอกได้อย่างสมภาคภูมิ

“เดลินิวส์ออนไลน์” จึงขอรวบรวม 5 เรื่องในชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ “สรพงศ์ ชาตรี” พระเอกผู้เข้มแข็งและเป็นดาวในใจของคนไทยตลอดกาลมาให้รู้กัน

1. เป็นเด็กหนุ่มจากบ้านนอกสู่วงการบันเทิง ถ้าหากจะกล่าวว่าชีวิตของสรพงศ์ ชาตรี นั้นก็เหมือนๆ กับเด็กต่างจังหวัดทั่วไปที่ฐานะทางบ้านยากจน พายเรือไปโรงเรียนและไม่มีรองเท้าใส่ บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ ตกกลางคืนต้องอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงกระป๋อง หลังจากเรียนจบประถมศึกษาปีที่ 4 ก็บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ที่วัดเทพสุวรรณ จ.พระนครศรีอยุธยา จนมาถึงวัดดาวดึงส์ บางยี่ขัน ธนบุรี จนกระทั่งลาสิกขาบทเมื่อ พ.ศ. 2512 และเริ่มงานในวงการบันเทิง ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งครั้งของสรพงศ์เลยก็ว่าได้

2. จากเด็กยกของในกองถ่าย สู่พระเอกแถวหน้าของไทยที่ไร้คนเทียบ จริงๆ หลังจากสรพงศ์ลาสิกขาบทจากการบวชเรียนมา จากนั้นสรพงศ์ก็เริ่มเข้ามาเป็นเด็กยกของในกองถ่าย ควบตำแหน่งตัวประกอบไร้บทพูดในละคร นางไพรตานี ทางช่อง 7 ซึ่งก็เล่นบทเป็นชาวบ้านเดินผ่านกล้องไปมา ตามด้วยละครเรื่อง ห้องสีชมพู และ หมอผี ตามด้วยเรื่อง สอยดาว สาวเดือน ภาพยนตร์ไทยเรื่องที่ 3 ของ ฉลอง ภักดีวิจิตร เขาก็เป็นชาวบ้านและเดินผ่านกล้องมาแล้วเช่นกัน

3. ชีวิตพลิกผันเมื่อเจอ ท่านมุ้ย (หม่อนเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล) หลังจากเดินผ่านกล้องไปมาและยกของในกองแล้ว หลังจากนั้น สรพงศ์มีโอกาสได้พบกับ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล จากการฝากฝังของ สุรพงศ์ โปร่งมณี ซึ่งเป็นคอสตูมให้กับละโว้สตูดิโอ ให้สรพงศ์เข้ามาช่วยทำงานในกองถ่าย และได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่วังละโว้ ของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ซึ่งตลอดเวลานั้นแววการแสดงของสรพงศ์ ก็เข้าตาได้แสดงเป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรก มันมากับความมืด ในปี พ.ศ. 2514 ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล นั่นเอง จากนั้นเขาก็ถือเป็นพระเอกคู่บุญของท่านมุ้ย มีผลงานการแสดงและงานในวงการในบทบาทของพระเอกเรื่อยมา จนเขาก้าวเป็นพระเอกแถวหน้าของวงการได้อย่างเต็มภาคภูมิในที่สุด

4. สรพงศ์เคยโชว์เสียงร้องออกอัลบั้มกับเขาด้วย ในตอนนั้นนอกจากงานแสดงที่อยู่ในยุครุ่งเรืองของสรพงศ์แล้ว เขาก็เคยหันมาจับไมค์ร้องเพลงกับเขาด้วย โดยสรพงศ์มีผลงานเพลงออกมาสู่ผู้ฟังถึง 5 อัลบั้มด้วยกันคือ หัวใจไม่ได้เสริมใยเหล็ก, เล็ดสะโก, คนกันเอง, ขาดคนอีสานแล้วจะรู้สึก, หัวใจเดาะ (นำเพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ มาร้องใหม่) ซึ่งทุกเพลงล้วนได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ และพากันชื่นชอบเขามากขึ้น

5. ทำนุบำรุงศาสนาไม่เคยขาด สรพงศ์ ชาตรี ได้สร้างมูลนิธิหลวงพ่อโต อ.สี่คิ้ว จ.นครราชสีมา เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อทองเหลืองรมดำ หลวงพ่อโต (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งแต่เดิมคือวัดโนนกุ่ม โดยสถานที่นี้นั้นจริงๆ ไม่ใช่วัด แต่เป็นมูลนิธิ ที่สวยงามสะดุดตา ร่มรื่นไปด้วยสวนหย่อม รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีสบายตา สำคัญคือ ที่นี่ยังมีโรงทานอีกด้วย ซึ่งเมื่อใดที่เขาได้รายได้จากการทำงานและเหลือ เขาจะนำเงินมาสร้างและทุ่มเทไปกับวัดแห่งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้มีที่พึ่งทางใจนั่นเอง

ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม sorapong_chatree.club