เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่วัดพระยาสุเรนทร์ เขตคลองสามวา นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่ ถึงความพร้อมการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้จัดการเลือกตั้งดังกล่าวว่า ตนและทีมผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ได้ลงพื้นที่ต่อเนื่องทุกวันตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา มั่นใจว่านโยบาย “เปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้” ที่พรรค ปชป. นำเสนอ เป็นการยกระดับและการแก้ไขปัญหาของคนกรุงเทพฯ ทั้งการประกอบอาชีพ ด้านการศึกษา สาธารณสุข และปัญหาซ้ำซากต่าง ๆ ทั้งนี้ ตนมีความพร้อม และมั่นใจในทีมผู้สมัคร ส.ก. ที่ได้ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจปัญหาและพร้อมเสนอนโยบายที่จับต้องได้จริง ๆ โดยภายหลังลงพื้นที่ครบ 50 เขต เตรียมเปิดนโยบายสำหรับการแก้ไขปัญหากรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยนิด้าโพล ต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่พบว่านายสุชัชวีร์ยังเป็นรองผู้สมัครคนอื่น ๆ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ก่อนเลือกตั้ง ยังมีเวลาพอที่ตนจะสามารถลงพื้นที่พบประชาชน สำหรับผลโพลที่ออกมายิ่งทำให้ตนมีกำลังใจต้องลงพื้นที่เพิ่มขึ้นเพื่อพบปะประชาชน ให้ประชาชนมีความมั่นใจ และเห็นถึงความตั้งใจของตน

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่จะเกิดการตัดคะแนนกันเอง จากการที่มีผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่อุดมการณ์ทางการเมืองคล้ายกับพรรค ปชป. อาทิ นายสกลธี ภัททิยกุล หรือแม้แต่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนได้พิจารณาถึงบุคคลและนโยบาย เพราะหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. ที่ตนตั้งใจจะมาทำนั้น ไม่ใช่การเมืองไปทั้งหมด แต่ต้องเน้นการแก้ปัญหาทั้งงานช่าง งานพ่อบ้าน การดูแลสุขภาพประชาชน และการดูแลเยาวชนในเรื่องการศึกษา จึงขอให้ประชาชนตัดสินที่คุณสมบัติของผู้สมัครที่จะทำให้เห็นความแตกต่าง

นายสุชัชวีร์ ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ร่วมกับคณะผู้สมัคร ส.ก. เขตคลองสามวา และเขตสายไหม ในวันนี้ (12 มี.ค.) ว่า ตนและคณะลงพื้นที่สำรวจปัญหาคลองพระยาสุเรนทร์ โดยการแก้ไขปัญหาน้ำเป็นเรื่องสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและต่อคนกรุงเทพฯ ด้วยเพราะสามารถใช้ในการสัญจร เป็นแหล่งท่องเที่ยว และสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ ตนจึงตั้งใจจะแก้ไขปัญหาน้ำให้ได้เชื่อมโยงทั้งระบบ นอกจากนี้ ได้สำรวจปัญหาฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 ซึ่งตนเสนอว่าควรติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพฝุ่นให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และแสดงค่าอากาศ เพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันตัวเองได้ รวมถึงผู้ว่าฯ กทม. จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง อาทิ การไม่อนุญาตให้นำรถประจำทางหรือรถบรรทุกที่ปล่อยควันดำมาใช้งาน ซึ่งถ้าใครฝ่าฝืนต้องถูกเพิกถอนในอนุญาต รวมถึงการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ จะต้องมีการปิดคลุมไซต์ก่อสร้าง เพื่อไม่ให้ฝุ่นกระจายหรือมีอุปกรณ์การก่อสร้างตกหล่นลงมาเป็นอันตรายต่อประชาชน ซึ่งไซต์งานที่มีการดำเนินการดังกล่าว สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาลดหย่อนภาษีได้ เพื่อไม่ให้ชาวกรุงเทพฯ ต้องตายผ่อนส่งกับปัญหาฝุ่นในเมือง.