เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เตรียมเป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 18 มี.ค. โดยคาด กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานเกี่ยวข้องเตรียมเสนอปรับมาตรการต่าง ๆ ทั้งการควบคุม เฝ้าระวัง และป้องกันโควิด-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด รวมทั้งอาจมีการพิจารณาคลายล็อกกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเดินหน้าใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแผน เปลี่ยนจากการระบาด เป็นระยะเข้าสู่โรคประจำถิ่น โดยแบ่งออกเป็น 4 ระยะ (4 เดือน) หรือเรียกว่า 3 บวก 1 ดังนี้
1.ระยะที่ 1 (12 มี.ค.-ต้น เม.ย. 65) เป็นระยะต่อสู้ ต้องกดตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ให้สูงกว่านี้ เพื่อลดการระบาด ลดความรุนแรงลง โดยจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกไป
2.ระยะที่ 2 (เม.ย.-พ.ค. 65) คือการคงระดับผู้ติดเชื้อไม่ให้สูงขึ้น ให้เป็นระนาบจนลดลงเรื่อย
3.ระยะที่ 3 (ปลาย พ.ค.-30 มิ.ย. 65) คือการลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงให้เหลือ 1,000-2,000 พันราย
4.ระยะที่ 4 (บวก 1) ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2565 เป็นต้นไป สิ่งที่เราจะทำคือ การปรับเป้าหมาย โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อ เนื่องจากสถานการณ์ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่ยังเน้นเป้าหมายการฉีดวัคซีนป้องให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 เพื่อปรับอัตราเสียชีวิตให้ลดลง และเน้นการรักษาในกลุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น.