เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ตรวจวิเคราะห์สายพันธุ์ที่มีการระบาดมาอย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์ล่าสุดมีการตรวจไปกว่า 2,000 ราย พบ 99.7% เป็นสายพันธุ์โอมิครอน ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์สายพันธุ์ย่อย พบว่ามีทั้งสายพันธุ์ BA.1, BA.2 และ BA.3 โดยพบสายพันธุ์ย่อย BA.2 เพิ่มมากขึ้นประมาณ 67.6% พบทุกเขตสุขภาพในอัตราเกินครึ่ง ยกเว้นเขต 1 และ 11 ที่สัดส่วนยังไม่เกินครึ่ง

ส่วนกรณีที่มีการพบสายพันธุ์ BA.2.2 ที่ฮ่องกง ที่มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 2.5 แสนราย เสียชีวิตกว่า 1,900 ราย ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้แพร่ระบาดเร็วขึ้น และก่ออาการรุนแรงเร็วขึ้นหรือไม่นั้น ถือว่ายังสรุปไม่ได้ เนื่องจากจนถึงขณะนี้ ข้อมูลที่ทั่วโลกส่งเข้าไประบบฐานข้อมูล GSIAD ยังไม่ได้มีการกำหนดเป็นชื่อสายพันธุ์ BA.2.2 และไม่ได้ถูกจัดเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ขณะนี้อยู่ในชั้นของการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ส่วนในประเทศไทย กรมวิทย์ได้มีการตรวจวิเคราะห์สายพันธุ์ พบว่ามี 4 ราย ที่มีโอกาสที่จะเป็น BA.2.2 ได้ โดยเป็นชาวต่างชาติ 1 ราย ชาวไทย 3 ราย ทั้งหมดไม่มีอาการใด ๆ ขอประชาชนอย่าวิตกกังวล

นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง กล่าวว่า จากการให้บริการรักษาโควิดแบบผู้ป่วยนอก (OPD) เจอ แจก จบ ตั้งแต่ต้น มี.ค. พบพื้นที่ส่วนใหญ่ใน 76 จังหวัดที่ สธ. ดูแลผลประเมิน อยู่ในระดับดีถึงดีมาก มีบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ในส่วนของ กทม. มีการให้บริการทั้ง รพ.สังกัดกรมการแพทย์ กทม. เอกชน คลินิกต่าง ๆ ภาพรวมระบบ OPD ซึ่งเป็นบริการเสริมมีส่วนช่วยประชาชนผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การให้บริการโทรฯ สายด่วน 1330 ก่อนหน้า มีการโทรฯ ใช้บริการจำนวนมากจากเดิมที่มีสูงถึง 9 หมื่นรายต่อวัน มีผู้ป่วยรอสายคงค้างจำนวนมาก แต่หลังเปิด OPD เจอ แจก จบ ทำให้มีผู้โทรฯ ใช้บริการเหลือ 4-5 หมื่นรายต่อวัน ในจำนวนนี้กว่า 3 หมื่นรายสามารถดูแลเข้าระบบได้.