เมื่อวันที่ 15 มี.ค. กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ร.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานประชุม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมีผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารเรือ, ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมโดยกองบัญชาการกองทัพไทย ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้จัดเตรียมกำลังเพื่อรองรับภารกิจการต่อต้านการก่อการร้ายและการก่อเหตุร้ายภายในประเทศ โดยผนึกกำลังร่วมกับกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมตั้งแต่ในภาวะปกติ โดยมีการป้องกัน รับมือ และลดผลกระทบจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ

แหล่งข่าวจากศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ศูนย์รักษาความปลอดภัย ได้ประชุมฝ่ายเกี่ยวข้องอาทิ หน่วยข่าวกรองทางทหาร สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายได้ประชุมเพื่อรองรับการประชุมเอเปค 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพซึ่งมีการประชุมย่อยตลอดปี 2565 โดยเฉพาะการมาเยือนผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจ ช่วงเดือน พ.ย. 2565 โดยที่ประชุมได้ตรวจสอบรายชื่อกลุ่มก่อการร้ายทุกกลุ่มที่เป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศสมาชิกเอเปค ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา รัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ ฮ่องกง นิวซีแลนด์ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย จีนไทเป (ไต้หวัน) ชิลี เม็กซิโก ปาปัวนิวกินี เปรู และ เวียดนาม

นอกจากนี้ได้ประสานงานกับเครือข่ายข้อมูลก่อการร้ายในภูมิภาคอาเซียนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคนที่มีแนวคิดหัวรุนแรงกลุ่ม Lone Wolf (ก่อเหตุคนเดียว หัวรุนแรง) ที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน ขณะที่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้จับตาบุคคลที่มีประวัติ และกลุ่มที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หลังปีที่แล้วมีการปล่อยนักโทษมุสลิม ทั้ง มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ ที่ถูกสหรัฐควบคุมตัวไว้ที่อัฟกานิสถาน กลับประเทศเมื่อปี 2564

“ตอนนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย หรือสิ่งบ่งชี้ว่าจะมีการก่อเหตุ ห่วงความเคลื่อนไหวการชุมนุมการเมืองของไทย และจากการสอบถามไปยัง 21 เขตเศรษฐกิจ ทุกประเทศยืนยันตรงกันว่า ไม่มีข้อกังวล หรือประเด็นอะไร ที่จะให้ทางการไทยดูแลหรือเข้มงวดเป็นพิเศษ ขณะที่ระบบการรักษาความปลอดภัยของ ศรภ. ยืนยันว่า เกิน 100% ทั้งดูแลบุคคลสำคัญ สถานที่จัดงาน งานด้านการข่าว เพราะเป็นภารกิจระดับชาติ ถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ” แหล่งข่าว ศรภ. กล่าว.