เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยนายไชยยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) และนางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ประธานกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูฯ และนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประชุมคณะกรรมการ กฟก. ครั้งที่ 1/2565

นายจุรินทร์ กล่าวภายหลังการประชุมว่าในรอบ 2 ปี จนถึงปัจจุบันมีสมาชิกที่เป็นเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนกับกฟก. 5,670,659 ราย และที่ขึ้นทะเบียนในรูปองค์กรเกษตรกร 56,284 องค์กรซึ่งมีเกษตรกร 535,871 ราย คิดเป็น 769,220 บัญชี เป็นวงเงินหนี้ 107,119 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินการในรอบ 2 ปี แก้ปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรแล้ว 1,857 ราย เป็นวงเงินหนี้ 1,514 ล้านบาท โดยแยกเป็นการเข้าไปซื้อหนี้จากสถาบันการเงินแล้วให้เกษตรกรมาเป็นหนี้กองทุนแทนให้ไม่มีภาระดอกเบี้ย และไม่มีการยึดที่ดินจนกว่าเกษตรกรจะผ่อนชำระได้ 1,695 ราย วงเงิน 1,347 ล้านบาท กฟก.เข้าไปซื้อทรัพย์สินที่ถูกยึด หรือกำลังดำเนินการไปขายทอดตลาด 162 ราย วงเงิน 167 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีความก้าวหน้ามากยุคหนึ่งในการแก้ปัญหาให้เกษตรกรในวงเงินจำกัดเท่าที่ กฟก.จะมี นอกจากนี้สามารถช่วยให้เกิดการชะลอฟ้องหรือไม่ถูกฟ้อง ชะลอการขายทอดตลาดได้ 11,472 ราย และวัตถุประสงค์ของ กฟก.ไม่ได้แค่แก้ปัญหาหนี้สิน แต่ยังเข้าไปพัฒนาฟื้นฟูชีวิตเกษตรกรด้วยการจัดโครงการพัฒนา เพื่อให้ฟื้นตัวได้หลังใช้หนี้แล้ว โดยเห็นชอบ 551 โครงการ วงเงิน 313 ล้านบาท ช่วยเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนได้ 9,107 ราย

สำหรับการประชุมคณะกรรมการกฟก.ในวันนี้ (16 มี.ค.) มีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการหนี้ไปแก้ปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกรเพิ่มอีก 5,277 ราย วงเงิน 3,533 ล้านบาท อีกทั้งมีมติให้คณะกรรมการหนี้ซื้อทรัพย์เพิ่มเติมได้อีก 35 ราย ที่เป็นหนี้ทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ในวงเงิน 52.7 ล้านบาท รวมถึงให้ปรับปรุงระเบียบของ กฟก. เพื่อให้สามารถซื้อทรัพย์ช่วยเหลือเกษตรกรซื้อทรัพย์ที่หลุดมือเกษตรกร และมีการขายต่อไปหลายทอด แต่เกษตรกรยังหวังจะได้รับที่ดินกลับคืน โดยให้ กฟก.สามารถซื้อทรัพย์ที่เป็นที่ดินเกษตรกรเดิมที่ถูกขายไปหลายทอด มาเป็นของ กฟก. และให้เกษตรกรเจ้าของที่ดินเดิมมาผ่อนชำระกับกองทุนฯ เพื่อให้ที่ดินไม่ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น

นายจุรินทร์ กล่าวว่าที่ประชุมเห็นชอบให้นำเงิน 2,000 ล้านบาท ที่ได้รับการจัดสรรจากงบกลางตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกฟก.ได้เสนอเรื่องขอจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ ครม.มีมติเห็นชอบแล้วนั้น ไปดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยแบ่งเป็นงบบริหารจัดการสำนักงาน กฟก. 230.8 ล้านบาท แก้ปัญหาหนี้สินให้เกษตรกร 1,500 ล้านบาท มีเกษตรกรเป้าหมาย 3,425 ราย และใช้ในโครงการฟื้นฟูพัฒนาชีวิตเกษตรกร 269 ล้านบาท โดยมีองค์กรที่รอขอโครงการ 776 องค์กร ซึ่งมีสมาชิกรวม 42,034 ราย