เมื่อวันที่ 23 ก.ค. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง   และมีความห่วงกังวลต่อการใช้กลไกทางกฎหมายมาปิดกั้นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น  หลังมีนักแสดง นักร้อง และบุคคลสาธารณะออกมาแสดงความคิดเห็น และข้อเรียกร้องผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จนเป็นเหตุนำมาซึ่งการร้องทุกข์และการแจ้งความดำเนินคดี  ทั้งที่การแสดงความคิดเห็นเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองไว้ในมาตรา 34 ของรัฐธรรมนูญ 2560 และข้อ 19 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

แม้การใช้สิทธิเสรีภาพแห่งการแสดงออกอาจมีข้อจำกัดได้เพื่อการคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น  เพื่อความมั่นคงของรัฐ การรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน  หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน แต่ข้อจำกัดดังกล่าวต้องทำเท่าที่จำเป็น   กสม.เห็นว่าการแสดงความคิดเห็นของบุคคลสาธารณะและประชาชนทั่วไปต่อการบริหารจัดการของรัฐเพื่อควบคุมและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด  ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ประชาชนรวมทั้งทุกภาคส่วนในสังคมกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก  และต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร พร้อมให้ข้อเสนอแนะต่อฝ่ายบริหาร  เป็นการใช้เสรีภาพโดยสุจริต แม้อาจมีถ้อยคำที่สื่อสารด้วยอารมณ์ความรู้สึกตามยุคสมัย แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใด  นอกจากนี้ เสรีภาพในการแสดงออกถือเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับสังคมประชาธิปไตย  และจำเป็นต่อการมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ   รัฐบาลจึงพึงรับฟังความคิดเห็น  รวมทั้งคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนและนำมาเป็นข้อมูลในการปรับปรุงการบริหารจัดการปัญหาต่าง ๆให้เกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ กสม.ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ด้วยการไม่ใช้ถ้อยคำหรือข้อความที่สร้างความเกลียดชังโดยควรตรวจสอบข้อมูลที่อาจเป็นเท็จก่อนเผยแพร่ และขอให้ทุกฝ่าย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลรับฟังความเห็นที่แตกต่าง  รวมทั้งคำวิพากษ์วิจารณ์  และงดเว้นการใช้กลไกทางกฎหมายที่มีผลเป็นการปิดกั้นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกโดยสุจริต  เพื่อนำไปสู่การร่วมกันแก้ไขวิกฤตการณ์โควิด