เมื่อวันที่ 19 มี.ค. นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นศาลปกครองฟ้อง รมว.สาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ฐานใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ ในการผลักดันการจัดซื้อจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ ว่าการตรวจสอบถือว่าเป็นเรื่องดี ช่วยให้สังคมเข้ารูปเข้ารอย แต่บางเรื่องนายศรีสุวรรณ ควรจะรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร

เรื่องการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์เข้ามาใช้นั้น มีเหตุผลทางวิชาการรองรับ ผ่านการพิจารณาจากคณะผู้ทรงคุณวุฒิทั้งภายนอกและภายในกระทรวง มีการพิจารณาอย่างรอบคอบว่ามีประโยชน์ มีความจำเป็น ที่ผ่านมา ยาตัวนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วย ใช้กันแพร่หลายทั่วโลก และเป็นยาที่ประเทศไทย สามารถผลิตเองได้ การที่ประเทศไทย มีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำมาก ยาฟาวิพิราเวียร์ ก็นับว่ามีส่วนสำคัญ และการพิจารณาเรื่องการใช้ยา เป็นเรื่องทางวิชาการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้ไตร่ตรองมาถี่ถ้วนแล้วถึงให้ใช้

“การให้ข่าวของนายศรีสุวรรณ ไปจนถึงผู้ที่รู้ไม่จริงทั้งหลาย ได้สร้างความสับสนให้กับสังคม ตนไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิด เห็นการปฏิเสธยาแล้วอาการทรุดหนัก ถึงเสียชีวิต” นพ.รุ่งเรืองกล่าวและว่า เป็นความจริงที่บางประเทศ ไม่ได้ใช้ยาตัวนี้แล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ายานี้อันตราย หรือยานี้ไร้ประสิทธิภาพเสียทั้งหมด อาทิ ญี่ปุ่นไม่ได้ใช้ยาดังกล่าว เพราะปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง คือ เรื่องการทดลองหาประสิทธิภาพ เพราะผู้ป่วยแทบติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ที่มีความรุนแรงของโรคต่ำ ติดแล้วหายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ให้ยา แล้วหาย แต่ก็ประเมินยากเหลือเกินว่า หายเพราะยาหรือไม่ จึงตัดสินใจเลิกใช้ ทว่าในหลายประเทศยังใช้ยาตัวนี้อยู่

ประเทศไทยก็เช่นกัน เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว ยังกังวลเรื่องยาชนิดนี้ ขาดแคลนอยู่เลย แต่พอวันนี้เมื่อมีข้อมูลใหม่ๆ เข้ามาเพียง 2-3 วัน เช่น หมอบางคนบอกว่าองค์การอนามัยโลก สนับสนุนให้ใช้ยาของบริษัทหนึ่ง มากกว่ายาฟาวิพิราเวียร์ ก็เชื่อกันไปเช่นนั้น กดดัน คนทำงาน ให้รีบเร่งตัดสินใจ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์ทุกวัน เรามีทีมแพทย์ ทีมผู้ผู้ทรงคุณวุฒิ คอยพิจารณาเรื่องต่างๆ แต่จะให้เปลี่ยนยาปุบปับมันทำไม่ได้

ตอนนี้ เราต้องดูตามความเหมาะสม กรณียาฟาวิพิราเวียร์ เราสามารถจัดหามาได้มาก เพียงพอต่อยอดการป่วยที่สูง นับว่าเป็นแนวทาง บริหารจัดการที่เหมาะสม ในอนาคต ถ้ามียาที่ดีกว่า และสามารถจัดหายามาได้มาก เพียงพอความต้องการ แผนการก็ต้องปรับกันต่อไป แต่อย่าไปมองว่า คนทำงานไม่ถูกใจ จะเป็นคนผิด ต้องหาทางกล่าวโทษ สร้างแพะให้สังคมไปบูชายัญ ส่วนตัวผู้ร้อง มีซีน มีบท แบบนี้ไม่ถูกต้อง อย่าลืมว่า การทำมันยากกว่าการพูด ทุกวันนี้เบื่อมากกับพวก NATO No action Talk only