เมื่อวันที่ 23 ก.ค.นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแพร่ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า กาชาดช่วยเรา เราช่วยกาชาด

” 3  กรกฎาคม 2564 นพ. วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) สรุปปฏิทินการเจรจา “ วัคซีนโมเดอร์นา “

25 กุมภาพันธ์  อภ. ติดต่อตรงไปที่โมเดอร์นา เพื่อแสดงความจำนงสั่งจองวัคซีนจำนวน 5 ล้านโดส โดยให้เข้ามาช่วงกลางเดือน มิ.ย.

28 กุมภาพันธ์  โมเดอร์นาตอบกลับมาว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดส่งได้ทันในปีนี้ เนื่องจากทั่วโลกมีความต้องการวัคซีนในระดับสูงมาก ทำให้สามารถส่งได้เร็วสุดในไตรมาสแรกของปี 2565

1 เมษายน  อภ. สอบถามโมเดอร์นาว่าได้ตั้งบริษัทใดเป็นตัวแทนจำหน่ายวัคซีนหรือไม่ เนื่องจากมีเอกชน 2 รายอ้างว่าสามารถนำเข้าวัคซีนได้รวดเร็ว

2 เมษายน โมเดอร์นาแจ้งว่าอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทซิลลิคฯ ผู้เดียว และหวังว่าจะสรุปสัญญากับซิลลิคฯ ให้เร็วที่สุด

15 พฤษภาคม  บริษัทซิลลิคฯ แถลงว่าการจัดซื้อวัคซีนของโมเดอร์นา ต้องจัดซื้อผ่านตัวแทนภาครัฐเท่านั้น ซึ่งหมายถึง อภ. เนื่องจากเป็นข้อกำหนดของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

2 กรกฎาคม  อภ. ได้รับเอกสารจากบริษัทซิลลิคฯ ในช่วงเช้า จากนั้น อภ. ได้ส่งหนังสือหารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ให้ตรวจสอบสัญญาการจัดซื้อวัคซีน ในช่วงเที่ยงทันที

กรกฎาคม  รอบริษัทซิลลิคฯ รวบรวมเงินมัดจำจากสมาคม รพ.เอกชน ส่งมอบให้ อภ.

ต้นเดือน สิงหาคม  อภ. เซ็นสัญญาสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นากับบริษัทซิลลิคฯ ได้ ภายในไตรมาส 4 ได้รับวัคซีนจากโมเดอร์นา 4 ล้านโดส ภายในไตรมาส 1 ของปี 2565 ได้รับวัคซีนโมเดอร์นา 1 ล้านโดส “

( ที่มา: บีบีซีไทย )

16  กรกฎาคม  64  ที่อาคารเทิดพระเกียรติ สภากาชาดไทย

นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย แถลงชี้แจงด่วนว่า “ ตามที่ได้มีกระแสข่าวเรื่อง สภากาชาดไทยจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา จำนวน 1 ล้านโดส โดยจะดำเนินการฉีดให้ฟรีให้กับประชาชนนั้น สภากาชาดไทย ขอเรียนชี้แจงว่า สภากาชาดไทยได้รับการประสานจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ว่า ได้สำรองวัคซีนโมเดอร์นา 1 ล้านโดส ให้แก่สภากาชาดไทย ซึ่งต่อมาสภากาชาดไทย มีหนังสือยืนยันการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาภายใต้เงื่อนไขที่ อภ.กำหนด “

สภากาชาดไทย ส่งหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 15 กรกฎาคม ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้จัดทำแผนการขอรับการจัดสรรวัคซีน เพื่อนำไปฉีดให้กลุ่มเป้าหมาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะต้องสนับสนุนค่าวัคซีนในราคา 1,300 บาท ต่อโดส โดยหากได้รับอนุมัติจากสภากาชาดไทย จะต้องชำระเงินภายในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564

1.  คุยกันมาหลายเดือน ประชาชน  โรงพยาบาลเอกชน ช่วยกันต่อสู้ ผลักดัน จนรัฐบาลต้องยอม ให้มีวัคซีนตัวอื่นนอกเหนือจาก Sinovac  ละ AstraZeneca

2.  โรงพยาบาลเอกชนเปิดจอง ประชาชนแย่งกันจอง บางแห่ง 5 นาทีเต็ม

3.  ประชาชนจอง รวมประมาณ 9 ล้านโดส ได้มา 5 ล้านโดส ผิดหวัง 4 ล้านโดส

4.  กาชาดประกาศ 1 ล้านโดส รามา+ศิริราช 1แสนโดส  

ทีแรกก็ดีใจคิดว่าได้เพิ่ม กลายเป็นตัด 1.1 ล้านโดส ไปจาก  5 ล้านโดส คนผิดหวังเพิ่มเป็น  5.1 ล้านโดส

5.  กาชาดเร่งร้อนให้แต่ละจังหวัดทำแผนใน 6 วัน กลุ่มที่จะรับการฉีดก็ซ้ำซ้อนกับแผนวัคซีนของรัฐบาล ไม่มีความชัดเจน

6.  อบจ.ต้องจัดหางบประมาณ จ่ายให้กาชาด โดส ละ 1,300 บาท

มีส่วนต่างจากต้นทุนเท่าไร ในยามวิกฤตอย่างนี้ ไม่มีส่วนต่างเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ไหมครับ คืน 1ล้านโดส  กลับไปให้พี่น้องประชาชนได้ไหมครับ  อยากช่วยเหลือประชาชน ก็ช่วยตรงๆ อย่างที่กาชาดทำมาตลอด ไม่ต้องยุ่งยากซับซ้อนได้ไหมครับ รับบริจาคเลือด มาช่วยฉีดวัคซีน  มาช่วยอาสาดูแลผู้ป่วยโควิด ก็เป็นพระคุณยิ่งแล้วครับ รักนะครับ