เมื่อวันที่ 20 มี.ค. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศให้วันที่ 22 มี.ค. ของทุกปี เป็น “วันน้ำโลก” หรือ “World Day for Water” เพื่อกระตุ้นให้ประชากรทั่วโลกเห็นความสำคัญของน้ำ เกิดความตื่นตัวเรื่องการอนุรักษ์น้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน โดยกรมอนามัยได้ส่งเสริมให้มีการจัดการคุณภาพน้ำบริโภคให้ได้มาตรฐาน เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งจากการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านพบว่า มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับบริโภคเพียง 20% และอีก 55% ต้องปรับปรุงก่อนนำมาบริโภค โดยการต้ม หรือเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค เนื่องจากพบการปนเปื้อนแบคทีเรีย ส่วนอีก 25% ไม่สามารถนำมาบริโภคได้เพราะมีเหล็ก แมงกานีส ฟลูออไรด์ ความกระด้าง และคลอไรด์ เกินเกณฑ์มาตรฐานกรมอนามัย

ดังนั้น จึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน และได้ขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ด้านที่ 1 การจัดการน้ำอุปโภค บริโภค และได้จัดทำข้อเสนอต่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้มีคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านระดับจังหวัด โดยปัจจุบันมีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานประปาหมู่บ้านขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดครบทุกจังหวัดแล้ว และจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน โดยยึดแนวทาง 3 C ดังนี้ 1.Clear : ระบบประปาหมู่บ้านมีการจัดสภาพแวดล้อม ตั้งแต่แหล่งน้ำดิบ ระบบผลิต ระบบการจ่ายน้ำ รวมไปถึงการบริหารจัดการที่เหมาะสม ตามหลักเกณฑ์ และมาตรฐานคุณภาพระบบประปาหมู่บ้าน

2.Clean : ระบบประปาหมู่บ้านสามารถผลิตน้ำประปามีคุณภาพตามเกณฑ์คุณภาพน้ำประปาดื่มได้ กรมอนามัย พ.ศ. 2563 และ 3.Chlorine : น้ำประปาในระบบจ่าย ต้องมีคลอรีนอิสระคงเหลือตามเกณฑ์มาตรฐาน คือ 0.2-0.5 ppm. เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านปนเปื้อนแบคทีเรียได้ ทำให้น้ำประปาหมู่บ้านมีคุณภาพ เหมาะสมสำหรับการบริโภค และสามารถลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงน้ำสะอาดของประชาชนได้.