หลังจากที่มีข่าว คุณแม่จิ๋ม ภนิดา แม่ของ แตงโม นิดา ได้ถอดถอน ทนายกฤษณะ ทนายที่แต่งตั้งมาดูแลคดีการตายปริศนาของลูกสาวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้แต่งตั้ง ทนายเดชา ขึ้นมาแทน โดยมีการซัดแหลกด้วยเหตุหิวแสง ชอบไปออกรายการ แย่งคุณแม่ตอบคำถามสื่อ ทั้งยังเจอผลกระทบใหญ่หลังโดนถอด พร้อมกับตอบคำถามเทรายการ ทั้งที่นัดมาร่วมสัมภาษณ์ในรายการแล้ว ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW แบบจัดเต็ม

ทนายกฤษณะ เผยว่า “เรื่องเบี้ยวนัดรายการครั้งก่อนคือครั้งที่แล้ว ตอนแรกสับสนคิวการให้สัมภาษณ์ครับ จริง ๆ ผมได้รับปากไว้แล้ว แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เลยทำให้ผมเบลอเลยช่วงนั้น ต้องกราบขอโทษด้วยครับ วันนี้มาถึงที่แล้ว ขอโทษด้วยตัวเองอีกครั้งนึงครับ สถานะตอนนี้ผมไม่ใช่ทนายของคุณแม่แล้วนะครับ ซึ่งคุณแม่ได้สั่งระงับแล้ว จริง ๆ แล้ว ใบสั่งแต่งทนายมันจะต้องไปใช้ในศาล มันต้องเป็นใบมอบอำนาจก่อน แต่ด้วยความที่คุณแม่เซ็นใบแต่งให้ผมเลยในวันนั้น ซึ่งมีอำนาจอะไรจัดการได้ แต่จริง ๆ แล้วมันต้องมีใบมอบอำนาจอีกฉบับนึงคู่กัน แต่ทางคุณแม่กับผมถือว่าแต่งไปแล้วไม่เป็นไร ก็ทำหน้าที่ในฐานะคุณแม่แทน แต่เวลาจะเข้าไปขอเอกสารอะไรกับทางพนักงานสอบสวน หรือว่าจะเข้าไปร่วมประชุมก็แล้วแต่ คุณแม่ก็จะทำใบมอบอำนาจอีกฉบับนึงให้ไปคู่กันด้วยนะครับ อธิบายให้เข้าใจก่อน ใบแต่งทนายต้องใช้ในศาล ใบมอบอำนาจเรายังขออะไรต่าง ๆ ขอหลักฐานได้”

“นัดคือใบมอบอำนาจแม่แล้ว นัดคุณแม่ว่าจะเอาไปคืนที่ที่พักท่าน สถานะตอนนี้สิ้นสุดตั้งแต่คุณแม่ประกาศแล้ว แต่แค่เอกสารผมยังไม่มีเวลาคุย ผมติดว่าความอยู่ก็เลยยังไม่มีเวลาไป เมื่อวานคุณแม่ก็โทรฯมาคุย คุณแม่ก็ถามว่าโกรธคุณแม่หรือเปล่า ผมก็บอกว่าไม่ได้โกรธเลย คุณแม่สบายใจได้ ผมก็ยอมรับตามที่ผมบอกออกไปแล้ว ขอให้คุณแม่ไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้ ขอให้พักผ่อน คุณแม่ก็ไม่สบายใจ เข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ แต่ว่าด้วยสิทธิของท่านเราก็ต้องยอมรับ เรื่องการเตือนก่อนด้วยเซ้นส์ของทนายเองก็มีก่อนแล้วครับ เห็นสิ่งรอบข้าง การโต้ตอบกันก็แปลก ๆ ไป แต่ไม่ได้ถือสา เราก็รู้แล้วแหละ แต่ด้วยความที่เราอยากได้ยินจากปากเองนะครับ พอดีวันนั้นผมเข้าไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศ ทนายเดชาก็โทรฯเข้ามาบอกว่าให้รีบมาที่สำนักงานด่วนเลย มีอะไรจะคุยด้วย ผมก็ยังไม่ทราบตอนนั้น รีบขับรถออกมาก็เห็นนักข่าวโทรฯมา ได้ยินว่าพี่กฤษณะโดนปลดจากทนายแล้วเหรอ ผมก็เอ๊ะ ผมยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมก็เอะใจแล้ว เลยขับมาจอดปั๊มน้ำมันก่อน จอดโทรศัพท์หาคุณแม่ แม่บอกว่าใครบอกว่าคุณแม่ปลด คุณแม่ให้พักก่อน ช่วยงานทนายเดชาอยู่ข้างหลังนะครับ คือให้ทำเอกสารในออฟฟิศ”

ทนายกฤษณะ เล่าต่อว่า “เอาจริง ๆ ตอนแรกยังไม่เชื่อ ยังตกใจอยู่ สักพักนึงผมเดินไปเข้าห้องน้ำกลับมาใหม่ โทรฯไปอีกถามคุณแม่อีกครั้ง แต่รู้แล้วแหละความหมายคืออะไร เลยบอกคุณแม่ว่าคุณแม่ครับ ผมยอมรับตามที่คุณแม่บอกครับ เดี๋ยวผมจะไปหาทนายเดชา เดี๋ยวจะดำเนินการ แม่ไม่ต้องคิดมาก แม่พักผ่อนไปเลย ผมก็รู้แล้วเลยขับรถไป มีนักข่าวโทรฯเข้ามาตลอดเลย ผมเองก็สับสนแล้ว เลยไปจอดปั๊มน้ำมันอีกปั๊มนึงก่อนที่จะถึงสำนักงานอาจารย์เดชา ตั้งหลักก่อน ยังช็อกอยู่ เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา จริง ๆ ผมจะถึงแล้ว แต่ผมบอกนักข่าวผมหลงทาง ก็หลงทางจริง ๆ แต่ว่าถ้าผมเข้าใจ ผมต้องมีคำพูดอะไรที่ใจเย็นขึ้น ต้องตั้งสติก่อน เรื่องปลดเพราะชอบไปออกรายการอันนี้ จริง ๆ จุดประสงค์ผมที่ไปออกรายการด้วยความที่เราเองยังมีสิ่งที่สงสัย ณ ช่วงนั้น เลยอยากจะถ่ายทอดให้ทางบ้าน หรือทีมทนายที่เค้าดูอยู่ เป็นรุ่นพี่ต่าง ๆ ว่า ผมสงสัยนะ คุณมีอะไรเสนอแนะผมมามั้ย อันนี้มันเป็นกุศโลบายของผมเองในการที่จะออกสื่อ แต่ถามวาผมหิวแสงมั้ย ผมยังไม่เข้าใจคำ ๆ นี้เลย ด้วยความที่เรารู้แต่ภาษากฎหมาย ผมเห็นศัพท์วัยรุ่น ไม่ได้ติดตามโซเชียลอะไรมากมาย ก็ไม่เข้าใจ ผมไปออกทีวีด้วยความที่เราไม่เคยอยู่ในวงการนี้ด้วย คำว่าหิวแสงผมไม่เข้าใจจริง ๆ”

“ตอนนี้พี่เดชามาทำแทน ตอนแรกผมบอกสื่อทุกท่านแล้วว่ายกให้ทนายเดชาเป็นพ่อคนที่ 2 ซึ่งผมเองติดตามท่านมาตลอดและได้ความรู้จากท่านมา ถามว่าผมเสียใจมั้ย นิสัยผมเป็นคนที่ไม่อาฆาตคน ไม่โกรธคน ผมเป็นคนที่ใจเย็นมาก สังเกตดูเวลาผมสัมภาษณ์ผมจะไม่ใส่ร้ายใครเลย ผมรู้ทั้งรู้ว่าเค้าทำผม แต่ผมจะนิ่ง เรานิ่งดีกว่า ความนิ่งมันจะสยบทุกอย่าง ผมมีแผน 2 ผมอยู่แล้ว แต่ผมไม่สามารถที่จะเปิดเผย คำว่า ทนายความ มรรยาททนายความอยู่อย่างนึงก็คือ ห้ามอวดอ้างสรรพคุณตัวเอง ผมก็ต้องระมัดระวังคำพูดนิดนึง กิริยาผมเลยต้องออกไปในลักษณะอย่างนั้น ถามว่าโกรธมั้ย ไม่โกรธ”

ทนายกฤษณะ เล่าเพิ่มเติมว่า “พี่เดชาคุยกันทุกวันเลยครับ ทุกเช้าท่านจะโทรฯมาหาผมตลอด มีอะไรก็จะปรึกษากันว่ามีหลักฐานใหม่อะไรมั้ยที่จะเชื่อมโยงกันได้ ผมเองก็ขออนุญาติท่าน ท่านเดชายังอนุญาตให้ผมอยู่กับท่านเต้ได้เลย แกยินดีเลย คุณแม่เองที่โทรฯมาเมื่อวานตอนกลางคืนก็ดีใจที่ผมจะได้ค้นหาข้อเท็จจริงอีก ตอนนี้คุณแม่ติดใจเรื่องการตรวจคราบเลือดในเรือ คุณแม่อาจจะได้ข้อมูลมาจากไหนไม่ทราบตรงนี้ คุณแม่บอกว่าให้ผมกับท่านเต้ช่วยค้นหาอีกหน่อย ผมเองก็ได้บอกว่าได้ครับ ผมก็ตอบยังงี้ แต่ว่าวิธีการยังไง อันนี้เป็นทางของผมเองกับ ส.ส.เต้ ที่ต้องช่วยคุณแม่หาหลักฐานตรงนี้เพิ่มเติม แต่ผลพิสูจน์ทนายเดชาเห็นว่าออกมาแล้ว ไม่พบคราบเลือดในเรือ คุณแม่ขอความช่วยเหลือผมมาอีกทีนึง ผมเองก็ต้องค้นหา ผมจะแคบเข้ามาแค่ผลตรวจเลือดเรือก็คงจะปรึกษาผู้ใหญ่ที่สูงกว่านี้ ซึ่งผมมีสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว อีกอย่างนึงที่ผมยังสงสัยอยู่ คำว่าสงสัยทำให้ผมเป็นเรื่องทุกที ยังหาคำตอบอยู่คือ กล้องหน้ารถของคุณแตงโมที่บันทึกภาพที่ผมส่งมอบ ก่อนหน้านี้ข่าวเคยออกไปแล้ว แต่ว่าพนักงานสอบสวนและพิสูจน์หลักฐานยังไม่ออกไปเอา คุณแม่โทรฯมาประสานผมให้ไปเป็นตัวแทนแม่รับมอบวัตถุสิ่งนี้หน่อย แล้วส่งให้พิสูจน์หลักฐาน ผมเองก็ส่งมอบเรียบร้อย”

เรื่องค่าใช้จ่ายที่ได้รับ จริง ๆ ผมเคยบอกคุณแม่ว่า คดีนี้ถ้าคุณแม่จะให้ผม ผมขอทำบุญให้กับน้องโมส่วนนึง ส่วนที่เหลือแล้วแต่คุณแม่จะให้ ช่วงนี้คุณแม่ก็ให้ค่าน้ำมันรถค่าข้าวผมไปก่อน แต่ก็ไม่กล้าขอท่าน เพราะท่านก็มาช่วยในเรื่องของหนี้สิน เมื่อวานนี้คุณแม่ก็โทรฯมาบอกว่าแม่ให้ค่าที่ทำคดี ไม่ต้องคืนคุณแม่ ตอนแรกผมจะหามาคืนคุณแม่ กลัวจะเป็นปัญหาอีก แต่คุณแม่โทรฯมายืนยันคุณแม่ไม่เอา คุณแม่ให้เป็นค่าว่าความ 35,000 บาท ก็อยากบอกแม่ว่าผมก็ยังเคารพคุณแม่ครับ ทุกอย่างคุณแม่ก็ยังคุยกับผมตลอด คุณแม่ไม่ได้โกรธผม โทรฯมาถามผม ผมก็บอกว่าไม่เคยโกรธเลย เค้าเหมือนคุณแม่ผมจริง ๆ ผมคิดซะว่าคุณแม่ด่าสักพักเดี๋ยวก็หาย ผมยังชื่นใจเลยคุณแม่โทรฯมาหาผม คุณแม่ถามผมคำแรกว่ายังโกรธแม่มั้ย ผมบอกไม่เคยโกรธเลยคุณแม่ ผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้แล้ว มีแต่จะเดินหน้าหาหลักฐานมาช่วยน้อง”

“ผลกระทบหลังเป็นทนายให้คุณแม่ หลังจากที่มีการถอดถอนผมอย่างเป็นทางการแล้ว ผมเดินออกมายังคิดว่าจะไปไหนต่อ ตัวเองก็มีงานที่รับว่าความไว้อยู่ อันดับแรกเลยคือความเชื่อมั่นของลูกความที่เรารับคดีมาทำ ก็โทรศัพท์มาสอบถามอยากจะเปลี่ยนใจด้วยซ้ำไป ผมบางส่วนมันกระทบพอสมควร หลังจากนั้นผมก็ได้ทราบข่าวว่า ท่าน ส.ส.เต้ ประกาศกลางคัน ผมตกใจเลยว่าท่านแต่งตั้งให้ผมเป็นที่ปรึกษากฎหมายของหัวหน้าพรรคก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่ในช่วงนั้นกลับบ้านไป ภรรยากับลูกเห็นข่าว ภรรยาบอกว่าลูกร้องไห้ตลอดเลย แฟนก็บอกว่าทำไมชั้นไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย เรื่องที่เค้าขุดคุ้ยผมขึ้นมา จริง ๆ ผมไม่อยากพูดถึงมันแล้ว ด้วยความที่เราเองก็ยอมรับไป ข่าวมันออกมาเหมือนผมเป็นหนี้หลายล้านมันไม่ใช่เลย คือจริง ๆ หนี้ผมมันแค่หลักแสน ผมไม่ทราบว่าไปทำอะไรให้ใครขุ่นเคืองถึงไปขุดคุ้ยขนาดนั้น ก็อยากจะบอกว่ามันมีผลกระทบกับครอบครัว แฟนผมไปทำงานแทบจะไม่อยากไปเลย ในที่สุดเค้าก็ขอยื่นใบลาออก แต่ว่าทางผู้ใหญ่ก็ท้วงติงไว้ แต่ในการตัดสินใจคือเค้าตัดสินใจลาออกเหมือนเดิม”

ทนายกฤษณะ เล่าเสริมว่า “ลูกสาวผมสอบชิงทุน เค้าเรียนจบโรงเรียนเตรียมอุดม เค้าได้ทุนเรียนฟรีมาตลอดเค้าก็ไม่ได้อายเลย เค้าบอกฐานะบ้านเราไม่ดี ทางโรงเรียนก็ให้ทุนมาตลอด ทีนี้เค้าไปสอบทุน ก.พ. กับทุนคิง ทุนคิงนี่น้องไม่ได้ แต่น้องมาเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ทุน ก.พ ที่จะไปอังกฤษ น้องก็สัมภาษณ์ เค้าจะเลือกคนเดียว ก็รู้สึกมีความมั่นใจหลังจากสัมภาษณ์ออกมา หนูมั่นใจว่าหนูน่าจะได้ แต่พอมีข่าวออกไปลูกร้องไห้เลย ลูกเข้าใจอย่างนั้นว่าเกิดจากข่าวพ่อ จริง ๆ ผมว่าน่าจะมีผล ตอนแรกลูกรับไม่ได้เลยปิดประตูร้องไห้ ส่วนแฟนผมด่าผมตลอด ขอหย่าด้วย ผมบอกถ้างั้นอย่าเสพสื่อเลย ผมพยายามประคอง เหมือนกับที่เค้าด่าเนี่ย ผมมาเข้าใจทีหลังว่าเค้าเป็นห่วงผม ทำไมไม่บอกเค้าตั้งแต่ตอนแรก เค้าจะได้หาทางช่วยได้ ไม่อยากปล่อยให้มันมาถึงขนาดนี้ ด้วยความที่เราผู้ชาย ผมไม่บอกเค้าเลย เลยเจอปัญหาแบบนี้ขึ้นมา แต่ตอนที่ผมเข้ามาทำคดีนี้คิดว่าต้องเจอ ใจผมคิดว่าผมเป็นทนายแล้วต้องใช้หนี้เค้า ถ้าผมมีเงินผมจะกลับไปหาเค้าทั้งหมด กระจายทุกคนให้จบ แต่ว่ามาเข้าคดีนี้แล้วผมเชื่อเลยว่าต้องมีมา ก็มาจริง ๆ”

“ตอนนี้ลูกหนี้ทุกคนที่ออกรายการ โทรฯมาให้กำลังใจผมหมดทุกคนเลย ลูกเข้ามากอด เค้าดูโซเชียลฟีดแบ็กกลับมามันดีขึ้น ลูกก็เลยบอกว่าป๊ะป๋าสู้ ๆ ผมชอบคำนี้ของลูกมาก บอกว่า ป๊ะป๋าสู้ ๆ นะ เดี๋ยวหนูจะเรียนนิติไปขอทุนตอนปี 3 ก็ได้ แต่ตอนนี้เค้าหันมาอยากเรียนนิติ เค้าบอกอยากมาช่วยพ่อ เค้าบอกว่าคุณพ่อเองก็ไม่ต้องไปดูสื่ออะไรให้มากนะ คุณพ่อก็บางอย่างอย่าพูดมากให้เซฟ ๆ ตัวเองด้วย กลัวความปลอดภัย ถามว่าถ้าย้อนกลับไปได้จะทำคดีนี้ไหม ผมยืนยันว่าผมทำ อะไรดลบันดาลใจผมไม่รู้ ผมจะพกรูปเขาตลอดเวลาในการทำคดี บางทีผมคิดอะไรไม่ออกผมจะลูบหน้าน้องเขา บอกโมช่วยพี่ด้วยเถอะ เพราะพี่หาหลักฐานอะไรไม่ได้เลยตอนนี้ ซักพักมันก็จะมีอะไรให้ผมค้นหาได้ แต่มันก็ความเชื่อส่วนบุคคล น้องจะอยู่ในเสื้อสูทผมตลอด ผมไปว่าความเมื่อเช้าผมก็ติดไปตลอด”