นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน หลังมีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากนี้ จะเร่งสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะให้มากขึ้นอีก เพื่อประชาชนที่มีปัญหาหนี้สินจะได้ใช้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ คณะกรรมการติดตามการดำเนินนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ เมื่อ 22 มี.ค. ดังนี้

1.การแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่ง กยศ. ได้ให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาไปแล้ว 6.15 ล้านราย วงเงินรวม 6.75 แสนล้านบาท พร้อมออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินช่วยผู้กู้ยืม เช่น ลดเบี้ยปรับ 100% กรณีปิดบัญชีคราวเดียว 58,286 ราย และลดเบี้ยปรับ 80% กรณีชำระหนี้ทันงวด 325,231 ราย นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมได้บูรณาการแก้ไขปัญหาหนี้สิน กยศ. อย่างเป็นระบบ ทั้งก่อนศาลมีคำพิพากษาและหลังจากศาลมีคำพิพากษาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้

2.กำหนดให้การไกล่เกลี่ยและการปรับโครงสร้างหนี้เป็นวาระของประเทศ ซึ่งเน้นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFls) และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ได้จัดโครงการพักชำระหนี้ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ ซึ่งมีกองทุนเข้าร่วม 413 กองทุน สมาชิกรวม 32,055 ราย รวมวงเงินกู้ที่พักชำระหนี้จำนวน 901 ล้านบาท

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ ดำเนินโครงการ หมอหนี้เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นการพัฒนาเว็บไซต์ แชทบอท และไลน์ เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางปรับธุรกิจและมาตรการต่าง ๆ ให้กับลูกหนี้เป็นรายกรณีด้วย

3.การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กระทรวงยุติธรรมได้จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือลูกหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และพักชำระหนี้ ประมาณ 5,000 คัน ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางกำกับดูแลสินเชื่อและธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายสินเชื่อ

4.การแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครูและข้าราชการตำรวจในส่วนกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการ เช่น ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สวัสดิการตัดเงินเดือนให้เป็นสวัสดิการที่แท้จริง โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไม่น้อยกว่า 10 แห่ง ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเหลือไม่เกิน 5% และขยายผลการแก้ไขหนี้ครูผ่านสหกรณ์ต้นแบบ สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้าราชการตำรวจได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้สินแล้วหลายพันราย

กรณี การแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบนั้น ได้มีการดำเนินการ อาทิ จับกุมเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 – ธันวาคม 2564 จำนวน 10,375 คน กระทรวงการคลังได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบให้กับลูกหนี้นอกระบบและประชาชนทั่วไป เช่น สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ โดยมีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว 1,029 ราย ใน 75 จังหวัด และอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยแล้ว 1.24 ล้านบัญชี วงเงินรวม 1.69 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกัน กระทรวงยุติธรรม ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบปีงบประมาณ 2564 จำนวน 187 เรื่อง ทุนทรัพย์ 118.50 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2565 (ช่วงตุลาคม – ธันวาคม 2564) จำนวน 32 เรื่อง ทุนทรัพย์ 7.06 ล้านบาท และได้แก้ไขปัญหาการฉ้อโกงหลอกลวงประชาชน โดยดำเนินคดีฐานความผิดแชร์ลูกโซ่ เป็นเรื่องสืบสวนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 10 เรื่อง และเป็นคดีพิเศษอยู่ระหว่างดำเนินการ 17 เรื่อง

“นายกรัฐมนตรียังสั่งการทุกหน่วยงาน บูรณาการการติดตามประเมินผลการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่มีหลายมิติและแตกต่างกันทั้งกลุ่มเป้าหมาย วิธีการ และระยะเวลา และเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน นอกจากนี้ ยังเน้นให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องสร้างการรับรู้ถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สามารถแก้ปัญหาลูกหนี้ได้จริง โดยต่อไปยังมีการแก้กฎหมายที่จะช่วยให้ลูกหนี้ใช้เงินสะสมในกองทุน แบ่งบางส่วนเพื่อแก้ปัญหาหนี้ปัจจุบันได้ ซึ่งประเด็นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงมาตรการแก้หนี้ของรัฐบาล เป็นเรื่องที่นายกฯให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะท่านนายกฯ ไม่อยากให้ประชาชนเสียโอกาสในการบรรเทาภาระหนี้”