เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า วันนี้สมาคมฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองผึ้ง (อบต.สวนผึ้ง) เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า “ธรรมสถาน วิโมกสิวาลัย” หรือวัดท่าไม้ สาขา 2 หมู่ 7 ต.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งได้ก่อสร้างอาคารชุมนุมคน สถานปฏิบัติธรรมขนาดใหญ่ และถาวรวัตถุมากมายนั้น ได้มีการขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ก่อนหรือไม่

ทั้งนี้ เนื่องจากอธิบดีกรมธนารักษ์ ได้ลงตรวจสอบพื้นที่เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้ยืนยันผ่านสื่อมวลชนที่ติดตามไปด้วยพบว่า “ธรรมสถาน วิโมกสิวาลัย” ดังกล่าวเข้าบุกรุกยึดถือ ครอบครองอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุจริงประมาณ 38 ไร่ และยังไม่มีการอนุญาตให้ผู้ใดเช่าได้แต่อย่างใด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ห้วงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามที่ดิน เพื่อประโยชน์ในราชการทหาร พ.ศ. 2481 โดย กรมธนารักษ์กระทรวงการคลัง เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ฯ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่หวงห้าม เป็นแปลงหมายเลขที่ รบ.553 โดยมอบให้กองทัพบกเป็นผู้ใช้ประโยชน์เพื่อความมั่นคงเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏเช่นนั้นแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นว่า มีการก่อสร้างอาคารชุมนุมคน สถานปฏิบัติธรรมขนาดใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างถาวรวัตถุทั้งหลายในพื้นที่ดังกล่าว อาจจะไม่เป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งการก่อสร้างอาคารทุกประเภทจะต้องมีแบบแปลนและต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งในที่นี้คือ อบต.สวนผึ้งเสียก่อน โดยต้องมีหลักฐานที่สำคัญที่แสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นเจ้าของหรือได้รับอนุญาตให้เข้ายึดถือครอบครองที่ดินแปลงที่จะทำการก่อสร้างนั้นๆเสียก่อน

แต่เมื่ออธิบดีกรมธนารักษ์ออกมายืนยันชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีการอนุญาตให้ผู้ใดยึดถือครอบครองหรือทำประโยชน์แต่อย่างใด จึงเชื่อได้ว่าการก่อสร้างอาคาร สถานปฏิบัติธรรม และสิ่งปลูกสร้างถาวรวัตถุทั้งหลายในพื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือถ้ามีใบอนุญาตให้ก่อสร้างแล้วไซร้ อบต.สวนผึ้งก็ต้องมีคำอธิบายตามหลักกฎหมายว่าใช้กฎหมายฉบับใด มาตราใด ในการให้อำนาจสั่งอนุญาตดังกล่าว

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงทำหนังสือจี้ไปยัง นายกฯ อบต.สวนผึ้ง ให้ดำเนินการตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ “ธรรมสถาน วิโมกสิวาลัย” หรือวัดท่าไม้ สาขา 2 หมู่ 7 ต.สวนผึ้ง ดังกล่าวเสียโดยพลัน หากพบว่าไม่มีใบอนุญาต หรือไม่มีการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ก็ให้ดำเนินคดีตามครรลองของกฎหมาย และต้องสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดต่อไปด้วย หากไม่ดำเนินการเจ้าพนักงานท้องถิ่นอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ป.อ.มาตรา 157 ได้ นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด