เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อรับทราบปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาผู้ติดเชื้อที่รอรับการรักษา ซึ่งตกค้างภายในบ้านพัก และผู้ป่วยที่ออกมาเร่ร่อนอยู่ในพื้นที่สาธารณะ จนเกิดภาพสลดมีบางรายเสียชีวิตริมถนน โดยนายกฯ ได้รับรายงานว่า หนึ่งในสาเหตุสำคัญคือ ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ออกเร่ร่อนนั้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานทั้งคนไทยและต่างด้าวที่ถูกกดดันให้ออกมาจากแคมป์ก่อสร้าง และโรงงาน เนื่องจากยังไม่สามารถประสานหาเตียง เพื่อเข้ารับการรักษาได้รวมทั้งนายจ้างกังวลว่า หากให้ผู้ป่วยอยู่ในพื้นที่แคมป์หรือโรงงาน จะเกิดการแพร่ระบาดไปสู่ลูกจ้างรายอื่นๆ  และไม่ต้องการรับผิดชอบภาระต่างๆ ส่งผลให้มีภาพผู้ติดเชื้อออกมาเร่ร่อนเป็นจำนวนมาก และยังพบด้วยว่า กรณีที่มีผู้เสียชีวิตอยู่ข้างถนนไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ก็พบว่าเป็นแรงงานที่ออกมาจากแคมป์คนงานก่อสร้างและโรงงานรวมอยู่ด้วย

มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายกฯ ได้สั่งการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปแก้ปัญหาดังกล่าวโดยด่วน เพื่อควบคุมการระบาด และไม่ให้เกิดภาพผู้เสียชีวิตริมถนนขึ้นอีก พร้อมกับขอความร่วมมือภาคเอกชนที่เป็นเจ้าของแคมป์ก่อสร้างและโรงงาน ควรปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวด เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ได้เร็วที่สุด และหากตรวจพบว่ายังมีการปล่อยปละละเลย ให้คนงานออกจากแคมป์หรือโรงงานอีก จะถือว่าฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโรคของทางภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดทุกกรณี 

ทั้งนี้ นายกฯ ได้เน้นย้ำอีกว่า หากพบว่าแคมป์ก่อสร้างหรือโรงงานใดมีผู้ป่วยติดเชื้อ ก็มีช่องทางประสานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเข้าไปดูแล แยกตัวไปรักษาอาการอยู่แล้ว ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการประสานงานบ้าง แต่ไม่ใช่นายจ้างจะผลักภาระให้สังคมด้วยการไล่หรือกดดันลูกจ้างให้ออกมาในที่สาธารณะ เพราะจะทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายยากต่อการควบคุม.