ก่อนหน้านี้มีข่าวว่านักร้องดัง แพท วรยศ หรือ แพท พาวเวอร์แพท ต้องผ่าตัดใหญ่เนื่องจากเป็นกระดูกทับเส้นประสาท ทำเอาหลายคนตกใจและเป็นห่วงอย่างมากมาย ก่อนที่ล่าสุดหนุ่มแพทจะออกมาเผยถึงเรื่องนี้ โดยเล่าว่า

ผมเป็นโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท เมื่อประมาณช่วงปลายปีที่แล้ว ผมมีอาการปวดและเหน็บชาตั้งแต่ช่วงบ่า หัวไหล่ ไล่มาจนถึงฝ่ามือข้างขวา ตอนแรกผมเองคิดว่าอาจจะทำงานหนักเกินไป ด้วยกำลังมุ่งมั่นกับการตัดต่อคลิปช่องยูทูบของตัวเอง พยายามทำอะไรหลายอย่างด้วยตัวเอง ก็คิดว่าอาจจะซ้อมกีตาร์หนักเกินไปก็เลยซื้อพวกแผ่นแปะบรรเทาปวด พวกยานวดต่างๆมาทา ประมาณ 2–3 ครั้งในช่วงอาทิตย์แต่อาการไม่ดีขึ้น รู้สึกว่ามันเกิดปัญหากับการใช้ชีวิตการทำงาน เลยมีความกังวลใจ เลยไปหาหมอ ก็วินิจฉัยเบื้องต้นว่าน่าจะเกี่ยวกับที่คอของเรา ตอนนั้นผมก็ค่อนข้างสับสน เพราะเราเป็นที่แขนแต่ทำไมคุณหมอบอกเป็นที่คอ ในเมื่อผมไม่ได้ปวดคอหรือรู้สึกว่าคอจะมีปัญหาได้ พอผลเอกซเรย์ออก มันมีกระดูกคอ 2-3 คู่ที่มันหล่นลงมาชิดกัน เป็นอาการของหมอนรองกระดูกเสื่อม เลยทำให้กระดูกหล่นไปทับเส้นประสาท ฝั่งขวาของผมโดนกดทับจนน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะคู่ที่ 5-6 ที่มีปัญหา แล้วก็ยังมีอีก 2 คู่ที่เริ่มเสื่อมแล้ว”

“เอาจริงๆเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำก็เลยถูกส่งตัวไป MRI แล้วผมก็ถูกส่งตัวไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกระดูกคอโดยตรง ซึ่งคุณหมอก็ได้แสดงอาการกังวลว่าอาการดูไม่ดีแล้ว จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนหมอนรองกระดูกที่เสื่อม ซึ่งเอาของเก่าออกแล้วนำของเทียมใส่เข้าไป มีการยึดเหล็กที่คอ ยิงนอตทแยงขึ้นไประหว่างกระดูกข้างบนกับข้างล่างเพื่อให้คอตั้งตรง คุณหมอตัดสินใจเลือกผ่าตัดเฉพาะคู่ที่อาการรุนแรงที่สุดก่อน คือคู่ที่ 5-6 ถามว่ากังวลไหม พอเราทราบว่าจะต้องผ่าตัดเราก็มีความกังวลใจเหมือนกัน แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะคุณหมอบอกว่าค่อนข้างที่จะอันตรายมาก ถ้าเกิดผมล้ม โดนกระแทก รถกระชาก รถเบรกแรงๆ หรือมีอะไรมาชนจนทำให้เกิดการกระแทกบริเวณท้ายทอย บริเวณคอ อาจจะส่งผลให้ผมมีอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ เพราะว่ามันบอบบางมาก”

“ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา นอกจากเคลียร์คิวงานต่างๆแล้ว ระหว่างนั้นผมก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังทั้งในชีวิตปกติและเวลาทำงาน ต้องพยายามเซฟตัวเองตลอด ต้องพยายามทำงานให้เป็นไปอย่างราบรื่น เพราะพอดีดกีตาร์มือจะชา จะปวดไปหมด แต่การแสดงคอนเสิร์ต การทำงานต่างๆเราก็ต้องประคับประคองตัวเองให้งานสำเร็จไปด้วยดี ให้แฟนๆมีความสุขที่สุด ให้เห็นเราในสภาพเต็มร้อยที่สุด ก็พยายามฝืนเล่นไป ถือว่ายังโชคดีที่มันยังไม่ถึงขนาดที่มันยังไม่ถึงขนาดหมดแรง จับปิ๊กกีตาร์ไม่ได้ หยิบของหล่น ยังไม่ขนาดนั้น แต่คุณหมอบอกว่าถ้าขืนปล่อยไป แล้วอาการแบบนั้นตามมา มันจะกำเริบลุกลามแก้ไขยาก ให้รีบผ่าตัดเสีย ผมก็เตรียมตัวมา 3-4 เดือนที่ผ่านมา เราก็พยายามเคลียร์คิว บอกทางคนใกล้ชิด”

แพท เล่าต่อว่า “คุณหมอบอกว่าจริงๆแล้วอาการกำเริบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1-2 ปีแล้ว แต่ผมไม่รู้ตัวเอง ผมเพิ่งมารู้ตัวตอนแขนชา ผมก็เลยนึกย้อนไป 1-2 ปีก็คงจะเป็นช่วงที่ผมอยู่ในเรือนจำ คุณหมอบอกว่าอาการนี้เกิดจากที่เราใช้คอก้ม หรือเงย หรือก้มๆเงยๆเป็นเวลานานๆ ผมก็นีกย้อยไปถึงพฤติกรรมตัวเองก็นึกออกได้อย่างเดียวเลยก็คือ วาดรูป ที่ผมทำต่อเนื่องมาตลอดในชีวิตที่ผมอยู่ในเรือนจำมาประมาณ 17 ปี ผมเคยนั่งเขียนนานสุดประมาณ 10 ชั่วโมง ด้วยนิสัยผมทำอะไรก็จะจริงจังและทุ่มเท จะมีช่วงนึงที่ผมกำลังศึกษา หรือเรียกง่ายว่าช่วงไฟแรง ถ้าว่างก็จะวาด จะเขียนตลอดเวลา ต้องยอมรับว่าสภาพสิ่งแวดล้อมภายในเรือนจำก็ไม่ได้ถูกสุขลักษณะให้วาดรูป หรืออาจจะมีจำนวนไม่เพียงพอ ส่วนใหญ่จะเป็นการนั่งเขียนรูปกับพื้น ก้มวาด กระดานวางตัก รวมถึงขั้นช่วงอ่านหนังสือสอบด้วย มันเป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดหมอนรองกระดูกเสื่อมแน่ๆ ผมมั่นใจ”

“ช่วงที่ผมอยู่ในเรือนจำและวาดรูปนานๆผมจะปวดคอ ปวดบ่ามาก แต่พอตื่นมามันก็มักจะหายไป หรือบรรเทาลงไปเยอะ ก็คิดว่ามันเป็นแค่การปวดเมื่อยธรรมดา พักผ่อนเยอะๆก็หาย ไม่คิดว่าจะส่งผลถึงขนาดนี้ ซึ่งคุณหมอบอกอายุขนาดเราหลายคนก็เป็น ไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนที่รู้ว่าเราอาจจะเสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ผมตกใจมากเลยครับ ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงและน่ากลัวขนาดนั้น เวลาเรานั่งรถก็จะมีหมอนรองคอ หรือจะทำกิจกรรมอะไรที่จะเสี่ยงต่อการกระแทกเราจะพยายามไม่ไปทำ ช่วงเล่นคอนเสิร์ตก็ต้องพยายามยั้งตัวเองไม่โยกหัวโยกตัวแรงจนเกินไป ก็มีหลายครั้งที่ลืมตัว ตอนนี้ยังต้องระวังครับ อย่างที่บอกไปผมไม่ได้เป็นแค่คู่ที่ 5-6 แต่ยังมีอีกถึง 2 คู่ที่มีอาการเริ่มเสื่อมแล้ว แต่คุณหมอยังไม่ตัดสินใจผ่าให้ มันอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราประคับประคองตัวเอง รักษาเนื้อรักษาตัว ไม่ไปทำกิจกรรมที่เสี่ยงอีก อาการเสื่อมมันจะไม่เพิ่มขึ้นจนรุนแรงจนเกิดอาการปวดเหมือนเดิมอีก ฉะนั้นยังไม่มีความจำเป็นจะต้องผ่า เลือกผ่าเฉพาะคู่ที่เป็นปัญหาก่อน”

ก่อนจะผ่าตัดเราได้ปรึกษากัน คุณหมอบอกว่ามีงานวิจัยของต่างประเทศกรณีการผ่าตัดสำหรับโรคนี้แล้วเป็นศิลปิน นักร้อง เอฟเฟกต์ หลังจากการผ่าตัด มีปัญหาเรื่องของการเปล่งเสียงในการร้องเพลงโดยเฉพาะในช่วงย่านเสียงสูงๆ เพราะว่าบริเวณที่ผ่าก็ใกล้เคียงกับที่เส้นเสียงอยู่ หมอบอกมาแบบยี้ แต่ว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากครับ แต่ยังไงเราก็ตัดสินใจผ่าแล้ว ซึ่งตอนแรกก็มีความกังวลมาก แต่พอหลังจากผ่าตัดล่าสุดเมื่อไม่กี่วันนี้ได้ไปให้คุณหมอตรวจดูแผยที่บริเวณคอ และคุณผมก็ถามอาการและฟังเสียงเรา ก็บอกว่ามีแนวโน้มที่ดี ความกังวลที่จะกลับมาร้องเพลงไม่ได้อะไรต่างๆนี้ น่าจะไม่เกิดขึ้น แต่ตัวผมเอง ณ วันนี้วันที่ 10 ก็ยังไม่กล้าที่จะลองฝึกร้องเพลง หรือเปล่งเสียง อยากให้แผลทุเลาไปมากกว่านี้ ทุกวันนี่ก็ยังไม่สามรถพูดเสียงที่เต็มได้ เพราะยังคงกระเทือนแผลอยู่ เวลาพักฟื้นก็ประมาณสักสองสัปดาห์ก็จะลองไปฝึกร้องเพลงได้ แต่ที่ก็ 10 วันแล้ว แผลที่เช็กก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็มีน้ำเข้าบ้างเล็กน้อย มีไหมที่บางช่วงไม่ละลาย ก็อาจจะต้องดึงออก ส่งนอาการที่จะบอกถึงความรุนแรงเช่น อาการกินข้าว กินน้ำและสำลัก อาการเสียงแหบก็ไม่มีเกิดขึ้น ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล ต้องขอบคุณทีมแพทย์ท่านเก่งมาก รวมถึงอาจารย์หมอด้วยที่มาร่วมผ่า รวมถึงทีมงานแพทย์ทีมพยาบาลที่ดูแลผมเป็นอย่างดี ขอบคุณมากครับ”

“ส่วนแขนไม่มีปัญหาแล้วครับ อาการเหมือนกับจะหายไปแล้ว ก็จะมีชาวงคอที่ยังหันได้ไม่เต็มที่ และช่วงผ่าตัดเสร็จใหม่ๆ ก็จะมีอาการปวดเส้นเอ็น กล้ามเนื้อช่วงคอถึงบ่าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับด้านในที่ผ่า คุณหมอก็ให้ยาแก้ปวด คุณหมอบอกว่าเกิดจากท่านอนระหว่างผ่าที่เราต้องแหงนคอเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทำให้ช่วงบ่าและคอปวดเกร็ง ทานยา 2-3 วันก็หาย ส่วนช่วงแรกที่ผ่าคอไม่สามารถที่จะเกร็งได้ด้วยตัวเอง คือมันจะเจ็บ เวลาลุกหรือหันผมต้องใช้มือประคองช่วยให้หัวตัวเองขึ้นมา ช่วงนี้จะรู้สึกว่าหัวตัวเองหนักมาก ค่อนข้างเจ็บ กลืนน้ำลายเจ็บ รับประทานอาหารเจ็บ เจ็บข้างในเหมือนตอนเราเป็นต่อมทอนซิลอักเสบประมาณนัเน ต้องรับประทานของอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก อาการเจ็บคอก็ค่อยๆ ดีขึ้น ทุกวันนี้ก็หายไปแล้ว สามารถรับประทานอาหารได้ปกติ อาหารเกร็งคอเจ็บก็ไม่มีแล้ว จะมีก็แค่ตอนเปล่งเสียง ไม่สาระเปล่งแรงได้ ก็จะมีอาการเสียดๆแผล ตอนเราหันและพูดแรง การวาดรูปถ้าเป็นชิ้นงานเล็กๆ ไม่กี่ชั่วโมง หรือ 1-2 วัน ผมว่าก็อาจจะยังพอทำได้ แต่ถ้าเป็นชิ้นใหญ่ที่เราเคยมีความฝันไว้ว่าถ้าเราออกมาแล้วอยากจะทำคู่ไปกับงานเพลงคงจะไม่สามารถที่จะเขียนได้แล้ว เพราะว่าผมคงจะต้องดูแลตัวเองไม่ให้กระดูกข้อที่เสื่อมเกิดอาการกำเริบซ้ำและต้องผ่าตัดอีก ก็ต้องยอมเข้าใจและปรับพฤติกรรมตัวเอง เพราะฉะนั้นใครมีทีชิ้นงาน ภาพเขียนของผมก็คงจะมีให้ชมเพียงเท่านี้แล้ว”

“ถามว่าคิดว่าเป็นปีชงไหมผมไม่คิดว่าจะเกี่ยว เพราะว่าอย่างที่เรียนไปว่าอาการมันส่งผลมาประมาณปีหรือสองปีแล้ว ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องของพฤติกรรม การใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นที่เราใช้หนักเกินไป ใช่โดยไม่มีความเข้าใจว่าวันหนึ่งมันจะเสื่อม เราแก่ขึ้นร่างกายก็ไม่เป็นแบบเดิมแล้ว ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะมันสะสมมาเป็น 10 ปีแล้ว แฟนๆแห่มอบกำลังใจมากมาย ก็ขอบคุณมากๆเลยครับ ขอบคุณกำลังใจจากทุกๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานต่างๆ กลุ่มแฟนคลับผมรับรู้ได้ทุกๆ กำลังใจที่ส่งมาให้ผม ขอบคุณการ์ดที่ส่งมาให้ ขอบคุณของเยี่ยม ผลไม้อะไรต่างๆ รวมถึงกำลังใจจากทุกส่วนเลยที่เป็นห่วงผม ก็ขอบคุณมากๆ ครับ จะรีบหายครับคือส่วนร่างกายผมมันไม่ได้มีปัญหา ผมมีปัญหาแค่เสียงและลำคอแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นผมยังช่วยเลือกตัวเองได้ตามปกติ อาการเจ็บผมคืดว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ดีขึ้น สัปดาห์นี้น่าจะเริ่มก๊อกๆ แก๊กๆ เรื่มจับกีตาร์ เริ่มผ่อนคลายขึ้น แค่ยังไม่กล้าเปล่งเสียงเต็ม คอจะแข็งๆ ประมาณนี้ และจะหันมากไม่ได้”

นักร้องดัง เล่าต่อว่า “ช่วงที่ไปผ่าตัด ผมวางแพลนไว้แล้วว่าเราจะหยุดช่วงไหน เพราะฉะนั้นงานทุกอย่างจะถูกทำไว้เรียบร้อยแล้ว ทางค่าย เพื่อนๆ ในวงก็เข้ามจตรงนี้ ไม่กระทบกับงานเลย ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไปก็จะเริ่มจะต้องกลับมาทำงานบ้างแล้ว สำหรับแฟนๆ ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ได้หายไปไหน และจะมีผลงานให้ชมกันแน่ๆ ครับ และปีนี้จะครบปีที่ 22 มีอายุครบรอบ 22 ปีแล้ว ซึ่งทางวงมีการคุยกันแล้วว่าจะมีการเฉลิมฉลองครบรอบ 22 ปี ใช้ชื่อว่าโปรเจคท์พาวเวอร์แพท 22 โปรเจคท์นี้จะมีการนำเพลงในอัลบั้มแรกเมื่อปี 2000 มาคัฟเวอร์ในรูปแบบใหม่ มีการปรับลุคเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม และคิดว่าหลายๆ คนคงจะชอบ และที่สำคัญประมาณกลางปีนี้ทางวงพาวเวอร์แพทเองจะจัดแฟนคลับคอนเสิร์ตมีตติ้ง เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ให้การสนับสนุนและรักพวกผมตลอดมา จนถึงปีนี้ปีที่ 22 แล้ว คอนเซปต์ 22 เนี่ยเกิดมาจากเลข 2 มีความเกี่ยวพัน ผูกพัน เกี่ยวข้องกับตัวผมและวง แน่นอนวงครบรอบ 22 ปี พาวเวอร์แพท มีเพลงชื่อ 02.22 น. ผมเองเกิดวันที่ 2 มิถุนายน ปีนี้ผมอายุ 42 และเป็นปีที่ 2 ที่ผมออกมาใช้ชีวิต ได้รับอิสรภาพ เลยยึดคอมเซปต์นี้มาเป็นโครงการนี้ โดยที่โปรเจคท์นี้ทำขึ้นจากบริษัทของผมเอง คือบริษัท มาดูมาฟัง จำกัด โปรเจคท์นี้ผมกับเพื่อนดูแลกันเองทุกขั้นตอนช่วงต้นเดือนหน้าเรามีแพลนที่จะอัดเสียงแล้ว แฟนที่อยากจะชมคอนเสิร์ตพวกเรา บรรยากาศแฟนคลับมีตติ้งก็หลังจากนี้ติดตามข่าวสารได้ จะทยอยอัพเดทออกมาให้ทุกคนได้ทราบอีกทีครับ”