เมื่อวันที่ 30 มี.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยว่า มีความห่วงใยเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งเป้าหมายผลักดันพืชเศรษฐกิจปาล์มน้ำมันทั้งระบบ มุ่งให้เกิดความเป็นธรรม ลดค่าใช้จ่ายในการผลิตควบคุมสต๊อก และส่งเสริมการส่งออก สร้างรายได้และความเป็นอยู่ที่ดี ให้กับชาวเกษตรชาวสวนปาล์ม ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ขับเคลื่อนการดำเนินงานทุกมิติอย่างเป็นระบบ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปี 2565 ราคาปาล์มทะลายอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) อยู่ที่กิโลกรัมละ 54-56 บาท ซึ่งถือว่าราคายังคงสูงสำหรับฤดูกาลนี้ ในส่วนของปุ๋ยเคมีที่ราคาแพงขึ้นในระยะนี้ รัฐบาลได้กำชับไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อไม่ให้กระทบกับต้นทุนการผลิตต่อไร่มากนัก อย่างไรก็ตามจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องปรับสัดส่วนไบโอดีเซลจาก 7 เปอร์เซ็นต์ ลงเหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ 1.95 แสนตัน (ณ สิ้นเดือน ก.พ.) และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 แสนตันในเดือน เม.ย.เนื่องจากเริ่มเข้าฤดูกาลปาล์มออกสู่ตลาดมาก แต่มาตรการส่งเสริมการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของ สามารถระบายน้ำมันปาล์มดิบที่เหลือใช้ภายในประเทศออกไปได้ ขอเน้นย้ำว่า นโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาท โดยการลดภาษีสรรพสามิตและค่าการตลาด กับการปรับสูตรไบโอดีเซลเหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวถึงเดือน มิ.ย. 2565 เท่านั้น
พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยว่า ส่วนราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ยังมีราคาขายปลีกอยู่ที่กิโลกรัมละ 60-66 บาท ไม่กระทบกับผู้บริโภค โดยได้มีจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากเกษตรกรผู้ประกอบการสวนปาล์ม สมาคมโรงสกัดน้ำมันปาล์มสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม หน่วยงานภาครัฐและนักวิชาการ เพื่อพิจารณาทบทวนสูตรสมการโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มร่วมกันเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สร้างรายได้ให้เกษตรกรกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน.