เมื่อวันที่ 31 มี.ค. จากกรณีเจ้าบ่าวทอมกับเจ้าสาวเข้าพิธีมงคลสมรสแล้วสินสอดเป็นเงินสด 1 ล้านบาทได้หายไป หลังงานแต่งเสร็จ แม่เจ้าสาวโร่แจ้งตำรวจ สภ.ทรงธรรม จ.กำแพงเพชร เนื่องจากสงสัยช่างภาพที่ไปถ่ายภาพในงาน แต่ต่อมาก็พบว่าเจ้าบ่าวได้ใช้ช่วงเวลาบ่ายที่ทุกคนในงานกำลังร่วมงานเลี้ยงที่ชั้น 1 ขึ้นไปเอาเงินสินสอด 1 ล้านบาทไปโดยไม่ได้บอกใคร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา

สุดเซ็ง! ช่างภาพโพสต์เตือนภัย ถูกกล่าวหาขโมยสินสอด 1 ล้าน

ล่าสุดเจ้าบ่าวทอมได้เดินทางมาจาก จ.สระแก้ว เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ทรงธรรม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางวัน หลังสอบปากคำเสร็จ ตำรวจได้ปล่อยตัวให้กลับบ้านไปก่อน เนื่องจากวันนี้ทำสำนวนคดีส่งศาลไม่ทันและผู้ต้องหาได้มามอบตัวไม่ได้คิดหลบหนี ก่อนที่เจ้าบ่าวทอมจะหลบนักข่าวออกจากโรงพักกลับไป

พ.ต.อ.อเนก จันทร์ศร รอง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า แนวทางการสืบสวน ทางตำรวจได้พยานวัตถุที่ช่างภาพถ่ายไว้จำนวนมาก สามารถไล่ติดตามได้ว่าใครเป็นใครอย่างไรได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวและได้การใช้โทรศัพท์และตรวจพบว่า กุญแจที่ไขเข้าออกห้องดังกล่าวนั้น มีเพียงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเท่านั้นที่ถือครองอยู่ หลังจากที่พ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวรับเงินสินสอดซึ่งเป็นธนบัตรห่ออยู่ในพลาสติกใสแต่ยังไม่ได้นับ แต่ได้เขียนระบุว่ามีจำนวน 1 ล้านบาท เสร็จแล้ว ก็นำเข้าไปเก็บไว้ในห้องพัก ซึ่งมีเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้นที่มีกุญแจ พยานหลักฐานมัดตัวเองตลอด ทางเจ้าบ่าวได้ไปเช่าเงินจากบริษัทที่กรุงเทพฯ มาจำนวน 1 ล้านบาท เสียค่าเช่าจำนวน 40,000 บาท หลังเสร็จงานต้องนำไปคืนผู้ให้เช่า ทางพ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่รู้เรื่องด้วย และเจ้าสาวก็ไม่รู้เรื่องนี้

“กรรมสิทธิ์ในสินสอดทองมั่นเป็นของเจ้าสาวตามกฎหมาย ฉะนั้นสินสอดจะต้องตกเป็นของพ่อตากับแม่ยาย ส่วนพ่อตาแม่ยายจะคืนให้ทั้งหมดหรือไม่คืนให้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อแม่ยายนำเงินสินสอดเข้าไปเก็บในห้องของแม่ยาย คนอื่นมาเอาก็จะถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์” พ.ต.อ.อเนก กล่าว