เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าไลน์กลุ่มคณะก้าวหน้า ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ชี้แจงภายหลังกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนโฉนด น.ส.3 ก. รวม 59 ฉบับ 2,111 ไร่ ของนางสมพร และลูก 2 คนคือ น.ส.ชนาพรรณ และธนาธร เนื่องจากพบว่าบุกรุกป่าไม้ถาวร-ป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี

นางสมพร กล่าวว่ารู้สึกเสียใจอย่างมากที่สังคมและสื่อต่างๆ ไปพาดหัวว่า ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ รุกที่ป่า กินป่า เพราะนี่เป็นข้อหาที่ร้ายแรงสำหรับตนเองและครอบครัว ที่ทำมาหากินสุจริตและตั้งใจช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มกำลังมาโดยตลอด และขอโอกาสชี้แจง เพื่อให้สังคมให้ความเป็นธรรม

นางสมพร ระบุว่า ตนไม่ใช่ผู้ซื้อมือแรก เอกสารสิทธิที่ดินออกตั้งแต่ปี 2521 โดยกรมที่ดิน มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองถูกต้องทุกอย่าง ต่อมาในปี 2533 ตนได้รับการแนะนำจากนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งในสมัยนั้นเป็นนักการเมืองสำคัญในบ้านเมือง ให้มาซื้อที่ดินจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ รู้จักกันดี เมื่อทั้งเจ้าของและผู้แนะนำให้ซื้อเป็นคนที่น่าเชื่อถือ จึงไม่คิดเลยว่าที่ดังกล่าวจะผิดกฎหมาย

“ฉันยืนยันว่า ครอบครัวเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. ตอนที่ฉันซื้อที่ดินก็มีเอกสารสิทธิรับรองถูกต้องตามกฎหมาย ซื้อขายมาหลายทอดแล้ว และฉันก็ไม่มีอำนาจบารมีไปบังคับ ข่มขู่ ให้เจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิให้ ที่ดินก็เป็นที่ของบริษัทใหญ่ มีเครดิตดี คนแนะนำเป็นนักการเมืองใหญ่ เอกสารสิทธิมีเรียบร้อย เราจึงไม่คิดเลยว่าจะมีปัญหาอะไรทางกฎหมาย” นางสมพรกล่าว

ส่วนกรณีที่มีสื่อบางสำนักเสนอข่าวว่านางสมพร เคยมีบันทึกกับกรมที่ดินว่ารับทราบอยู่แล้วว่า ที่ผืนนี้เป็นที่ป่า นางสมพรยืนยันว่า เอกสารฉบับนี้เนื้อหาระบุแค่ว่า ตนรับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อาจเป็นหรือไม่เป็นที่ป่าไม้ถาวรก็ได้ บันทึกถ้อยคำดังกล่าว สำนักงานที่ดินทำไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนฟ้อง ถ้ามีการเพิกถอนสิทธิในภายหลัง ซึ่งในกรณีนี้ กรมที่ดินก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ป่าหรือไม่ แล้วตนเองเป็นราษฎรธรรมดาจะทราบได้อย่างไร

“ฉันมีที่ดินผืนนี้มา 30 ปี ไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งลูกชายมาทำงานการเมือง ลูกก็โดนยัดคดีร้ายแรงให้สารพัด ส่วนตัวฉันเองก็โดนร้องเรียนว่ารุกป่า กินป่า เป็นเรื่องเป็นราวเป็นคดีใหญ่โต ฉันยืนยันตรงนี้ว่า ที่ผืนนี้ ถึงจะซื้อมาถูกกฎหมายทุกประการ มีเอกสารสิทธิเรียบร้อย แต่อยู่มาวันหนึ่งรัฐบอกว่าผิด จะเพิกถอน ฉันไม่มีปัญหา แต่ต้องไปพิสูจน์ถูกผิดกันตามกฎหมาย ถ้าออกมาว่าเป็นป่าจริง ฉันยินดีคืนที่ให้ แต่อย่ามากล่าวหาว่าครอบครัวฉันโกงบ้านโกงเมืองเด็ดขาด” นางสมพร กล่าวทิ้งท้าย.