เมื่อวันที่ 2 เม.ย. น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หลังจากในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีมติให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส. กับหมายเลขพรรคการเมืองใช้เป็นคนละหมายเลข ซึ่งเป็นการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งในปี 50 ซึ่งประเทศไทยเคยมีบทเรียนมาแล้วว่า สร้างผลเสียมากมาย เพราะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เกิดความยุ่งยากและซับซ้อนขึ้น จนอาจทำให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนไม่เป็นไปเจตนารมณ์ของประชาชน และยังมีโอกาสที่จะทำให้ประชาชนลงคะแนนเสียงผิดโดยไม่ตั้งใจ โอกาสที่จะมีบัตรเสียก็มีมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง จากการที่ ส.ส.เขต จะต้องทำการสื่อสารหาเสียงในพื้นที่ไปพร้อมกับการรณรงค์หาเสียงของพรรค ซึ่งอาจจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยอ่อนแอลงตามไปด้วยเช่นกัน

ตนรู้สึกแปลกใจที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดการระบบเลือกตั้ง ไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนในการเลือกตั้งปี 50 ไม่นำเอาผลการวิจัยที่คณะกรรมการการเลือกตั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการศึกษาวิจัยเรื่องระบบการเลือกตั้ง พบว่าการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ แต่ใช้คนละเบอร์ทำให้เกิดปัญหาและสร้างความสับสน จนในที่สุดเสียงเป็นเอกฉันท์ ให้กลับไปใช้ระบบบัตรเบอร์เดียวในการเลือกตั้งทั่วไปปี 54 ยืนยันว่าการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศได้แสดงสิทธิที่มีอยู่อย่างเท่าเทียมของตนเองในรอบหลายปีที่ประชาชนอยากให้เกิดขึ้นในเร็ววัน ควรจะเป็นการเลือกตั้งที่มีระบบที่จะช่วยสะท้อนความต้องการของประชาชนมากที่สุด ซึ่งพรรค พท. มีความพร้อมในการเลือกตั้งทุกกติกา ที่ต้องตอบสนองต่อเจตจำนงของประชาชนเป็นที่ตั้ง

“การใช้บัตรเลือกตั้งสองใบคนละเบอร์ ทำให้ประชาชนเสียมากกว่าได้ประโยชน์ ทางออกเดียวที่จะช่วยให้เกิดการสับสนน้อยที่สุดและไม่ทำผิดรัฐธรรมนูญ คือ ข้อเสนอของพรรค พท. ที่ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตก่อน แต่ยังไม่ประกาศหมายเลขผู้สมัคร หลังจากนั้นให้รับสมัครเลือกแบบบัญชีรายชื่อ ให้พรรคจับเบอร์แล้วค่อยประกาศให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้งสองแบบ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด” น.ส.อรุณี กล่าว.