นับตั้งแต่ปี 57 สมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เข้ามารื้อระบบการซื้อขายสลากฯ ด้วยการยกเลิกระบบ 5 เสือกองสลาก และปรับระบบใหม่เปลี่ยนให้มีการขึ้นทะเบียนผู้ค้าหวยทั้งผู้ค้ารายย่อย ผู้ค้าโควตาถาวรนับแสนราย ดังนั้น…การเคลื่อนไหวครั้งนี้ จึงเป็นที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิดว่า สุดท้ายแล้วความพยายามแก้หวยแพงรอบนี้ของรัฐบาลบิ๊กตู่ จะสำเร็จลุล่วงหรือไม่ กับปัญหาที่ไม่มีใครกล้าแตะ และหมักหมมอยู่คู่สังคมไทยมานาน  

แม้เรื่องนี้!! มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการแก้ปัญหาเพื่อหวังผลทางการเมือง ในการตัดท่อน้ำเลี้ยงของฝ่ายตรงข้าม เพราะเรื่องสลากฯแพงเกิดขึ้นมาหลายปีแล้วแต่ไม่ยอมทำ อย่างไรก็ดี ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า สถานการณ์สลากฯเกินราคาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปลดล็อกดาวน์โควิด ปัญหาสลากฯแพงได้ทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิมมาก และแพงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หากไปตามตลาดค้าส่ง มีการขายส่งสูงถึงใบละ 95-98 บาท  ผู้ค้ารายย่อยที่รับมาต้องขายให้ชาวบ้านสูงถึงใบละ 110 บาท ชุด 2 ใบ 220-240 บาท ซึ่งแพงกว่าปกติที่ซื้อขายส่งใบละ 85-86 บาท ขายปลีก 95-100 บาท   

ออนไลน์ดันสลากฯแพง  

ภาวะเช่นนี้ แม้ลอตเตอรี่ไม่ใช่ปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนจำนวนมาก ทั้งผู้ค้าสลากฯรายย่อยนับแสนรายที่ไม่มีโควตา ต้องหาซื้อสลากฯราคาแพงกว่าเดิมไปขายต่อ รวมถึงประชาชนอีกหลายสิบล้านคน ที่ต้องจ่ายเงินซื้อลอตเตอรี่แพงอย่างไม่จำเป็น ให้กับกลุ่มคนที่เข้ามาหาผลประโยชน์จากช่องโหว่ และความหย่อนยานหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ  

ถามว่าปัญหาสลากฯแพงรอบนี้ เกิดจากอะไร คำตอบก็คือวังวนปัญหาเดิม ๆ ผู้ได้รับสลากฯไม่ได้ขายเองแต่นำไปขายต่อเปลี่ยนมือให้กับนายทุนพ่อค้าคนกลาง เพื่อนำไปเก็งกำไรขายให้กับผู้ค้ารายย่อยตัวจริงที่ไม่มีโควตากับกองสลาก ซึ่งถือเป็นรากเหง้าดั้งเดิมมาหลายปี แต่รอบนี้มีความพิเศษ ตรงที่นายทุนคนรับซื้อต่าง ๆ มีจำนวนมากกว่าเก่า และมีหลายกลุ่มมากขึ้น  

ปกติกลุ่มนายทุนที่เข้ามากว้านซื้อสลากฯ จะเป็นผู้ค้าดั้งเดิมตามตลาดค้าส่ง เช่น วังสะพุง จังหวัดเลย หรือตลาดสนามบินน้ำใกล้สำนักงานสลากฯ โดยเข้าไปรับซื้อจากผู้มีโควตา กับซื้อผ่านรายย่อยตามหน้าไปรษณีย์ เพื่อนำไปรวมชุดหรือแบ่งขาย แต่ถ้าว่ารอบ 1 ปีมานี้ ก็มีผู้ค้ากลุ่มใหม่ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เกิดขึ้นมาและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการคาดการณ์ว่าปัจจุบันมีผู้ค้าออนไลน์ในระบบไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง และใช้สลากฯหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านใบต่องวด หรือคิดเป็นเกิน 10% ของสลากฯที่พิมพ์ทั้งหมด

นายทุนทุ่มซื้อราคาพุ่ง  

ส่งผลให้เกิดการแข่งขัน เพิ่มราคารับซื้อสลากฯ อีกทั้งยังมีธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เช่น แชร์ลูกโซ่ลอตเตอรี่ ตั้งโต๊ะรับซื้อแบบไม่เกี่ยงราคา เพื่อนำไปหลอกลวงเหยื่อให้ตายใจอีก ทำให้บรรดานายทุนทั้งหลาย มีการปรับตัว มีการตั้งราคารับซื้อลอตเตอรี่ ไม่ต่ำกว่าใบละ 90 บาท เพื่อจูงใจให้คนมีโควตานำไปขายต่อแบบยกกล่อง ได้กำไรทันทีไม่ต่ำกว่าใบละ 20 บาท หรือกำไรกล่องหนึ่ง 10,000 บาท ซึ่งได้มากกว่าต้องมานั่งทนแดดทนฝนขายเองซึ่งกำไรเพียงใบละ 9.60 บาทเท่านั้น   

จากปัญหาที่เกิดขึ้น สำนักงานสลากฯ ได้พยายามแก้ปัญหา แบ่งเป็น 3 มาตรการ ส่วนแรก….การเปิดลงทะเบียนผู้ค้าสลากฯรายย่อย 2 แสนราย มีเป้าหมายเพื่อต้องการ ค้นหาคนขายตัวจริงที่ไม่มีสิทธิซื้อตรงกับกองสลาก เข้ามาในระบบขึ้นทะเบียนซื้อจอง และตัดวงจรคนขายตัวปลอมที่นำลอตเตอรี่ไปขายต่อออกไป ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะตลอด 7 ปีที่ผ่านมา สำนักงานสลากฯ ไม่เคยอัพเดทรายชื่อของผู้ค้าเลย ซึ่งอาจทำให้มีการตกหล่น หรือบางคนก็เลิกขายหยุดขายไปแล้ว ส่วนคนเข้ามาขายใหม่ก็เข้ามาไม่ได้เพราะถือว่าไม่มีสิทธิ ไม่มีเสียงใด ๆ  

วัดเฟ้นคนขายตัวจริง 

แต่สิ่งสำคัญคือ…กระบวนการคัดเลือกคนขายรอบใหม่ของสำนักงานสลากฯ ทำได้ดีแค่ไหน หาคนขายตัวจริงเข้ามาในระบบได้หรือไม่ หรือปล่อยให้นอมินี นายทุน พ่อค้าคนกลาง ขนคนของตัวเองเข้ามารับสิทธิ หากเป็นเช่นนี้ คงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร และสิ่งสำคัญหากได้คนขายตัวจริงมาแล้ว ต่อไปการันตีได้อย่างไรว่า คน ๆ นั้น จะขายหวยเองราคา 80 บาทไปตลอดชีพ เพราะหากเจออำนาจเงินจากนายทุนแล้ว อาจใจอ่อนเปลี่ยนใจได้ โดยสำนักงานฯ ควรมีระบบตรวจสอบย้อนหลังเพิ่มเติม หรือกำหนดเวลาการต่อสัญญา เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ

มาตรการต่อมาการขยาย ร้านสลาก 80 ออกไปทั่วประเทศ โครงการนี้เคยนำร่องมาแล้วที่กรุงเทพฯ และนนทบุรี 77 แห่ง ซึ่งข้อดีก็คือช่วยให้มีร้านขายลอตเตอรี่ 80 บาท เกิดขึ้นจริง แต่มีจำนวนน้อย ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึง แม้เป้าหมายตั้งใจขยายให้ถึง 1,000 แห่ง แต่ไม่ถึงมือคนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ดี ถึงแค่บางชุมชน บางหมู่บ้านเท่านั้น  ที่สำคัญร้านสลาก 80 ยังไม่สามารถเป็นตัวชี้นำราคาตลาดได้ ดังนั้นหากทำร้านสลาก 80 ให้สำเร็จจำเป็นต้องเปิดให้มากขึ้น เพื่อให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ หรือการนำร้านสลาก 80 เข้าไปขายผ่านช่องทางออนไลน์ ถือเป็นอีกทางลัดหนึ่งที่จะช่วยให้คนเข้าถึงได้จริง  

ขายผ่านเป๋าตังแค่ช่วย 

อีกโครงการ…คือ การจำหน่ายสลากฯออนไลน์ ผ่านแอพเป๋าตัง ตรงนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะถือเป็นช่องทางขายใหม่ เพื่อแข่งขันกับแพลต ฟอร์มออนไลน์ของเอกชน ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนบางส่วน ซื้อสลากฯได้ในราคา 80 บาทได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้สลากฯไม่สามารถเปลี่ยนมือได้ ซึ่งช่วยลดปัญหาการนำไปขายต่อเก็งกำไร แต่ประเด็นที่เป็นเรื่องท้าทาย คือ การจำหน่ายผ่านแอพเป๋าตัง ยังเป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย เพราะกระบวนการเยอะ ทั้งการลงทะเบียนผ่านบัตรประชาชน การเติมเงินต่าง ๆ จนอาจไม่ได้รับความนิยมได้ ขณะเดียวกันต้องดูทางกลุ่มผู้ขายด้วยว่า จะยอมรับนำสลากฯเข้ามาจำหน่ายผ่านออนไลน์มากน้อยแค่ไหน เพราะหากเข้ามาน้อยก็จะดูไม่จืดเลยทีเดียว  

ส่วนมาตรการของคณะกรรมการชุดพิเศษของนายกรัฐมนตรี มองดูแล้วไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ เป็นเพียงแค่การบังคับใช้กฎหมาย นำกำลังตำรวจเข้ามาช่วยตรวจอย่างจริงจังมากขึ้นเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้ว เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่พึงกระทำ แต่ที่ผ่านมากลับไม่ได้ออกมาจับเข้มงวดเท่าที่ควร ซึ่งถามว่าจะช่วยให้ลอตเตอรี่ถูกลงได้หรือไม่ เชื่อว่าในระยะแรก อาจถูกลงได้ เพราะมีคนเกรงกลัว ไม่กล้านำสลากฯออกไปขายต่อ หลังจับมังกรฟ้าและกองสลากพลัส เชือดไก่ให้ลิงดูไป  

ผลิตภัณฑ์ใหม่ทางออก

แต่ในระยะยาวจะได้ผลหรือไม่? ขึ้นอยู่กับ…ความจริงใจ!! ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ…ว่าจะตรวจเข้มงวดไปได้นานเพียงใด หรือทำไปลูบหน้าปะจมูกพอเป็นพิธี หากเบามือลง เชื่อว่าวงจรขายสลากฯเดิม ๆ หนีไม่พ้นกลับมาอีก เพราะในที่สุด กลุ่มคนขาย…จะมีวิธีปรับตัว และกลับมาขายสลากฯแพงเกินราคาได้เหมือนเดิม เห็นได้จากก่อนหน้านี้สำนักงานสลากฯ ได้ทดลองแก้ปัญหาการพิมพ์สลากฯแบบคละเลข หรือการจัดชุด 2 ใบเพื่อป้องกันการรวมชุด แต่ผ่านไปแค่ 2-3 เดือน ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม 

ดังนั้น!! วิธีการที่แก้ปัญหาที่น่าจะได้ผลที่สุด คือ การหาแนวทางออกผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ไม่ใช่ถูกผูกติดกับลอตเตอรี่ใบเพียงอย่างเดียว เพราะวันนี้แพงแค่ไหนก็ต้องซื้อ เพราะไม่มีทางเลือก!! ยกเว้นการเข้าไปเล่นหวยใต้ดิน ซึ่งวันนี้ พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เปิดช่องให้สำนักงานสลากฯ มีสิทธิทำได้แบบถูกกฎหมายแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องไม่ควรละเลย ไม่ว่าจะเป็นการทำสลากฯ 2 ตัว 3 ตัวแบบออนไลน์ การทำสลากลอตโต้ หรือการทำสลากแบบเลข 6 หลักเลือกเลขเองได้ ลำพังการออกมาตรการ 3-4 วิธีในเวลานี้ คงไม่เพียงพอแก้ไขปัญหาได้ถาวร เป็นแค่เพียงบรรเทาปัญหาชั่วครั้งชั่วคราว เพื่อรอวันปะทุใหม่ แต่การทำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา ต้องอาศัยฝีมือ และผู้กล้าเข้ามาทำลายกองผลประโยชน์จากสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีมหาศาล เพื่อมาเริ่มต้นทางเลือกใหม่ โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชน และส่วนรวมเป็นสำคัญ ซึ่งเชื่อว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ หากจริงใจ และไม่ติดกับดักกับคำว่า มอมเมาสังคมมากจนเกินไป

ย้ำคัดเลือกเป็นธรรม

พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บอกถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคัดเลือกรายชื่อในกลุ่มผู้ค้าสลากฯเดิม 1.3 แสนคน ว่า  การประสานความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ส่งข้อมูลถือเป็นกระบวนการหนึ่งในการเก็บข้อมูลเพื่อใช้ตรวจสอบเท่านั้น โดยสำนักงานสลากฯ ไม่ได้ใช้ข้อมูลนี้ข้อมูลเดียวมาชี้ขาด ตัดสิทธิผู้ค้า เพราะมีวิธีการอื่น ๆ รวม 4 วิธี มาใช้ประกอบการด้วย ทั้งการเปิดให้สแกนคิวอาร์โค้ดผ่านไลน์ การซื้อขายผ่านแอพเป๋าตังและถุงเงิน การตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการคัดเลือกหาผู้ซื้อตัวจริงมากที่สุด

“สาเหตุที่สำนักงานสลากฯ ต้องมีการใช้วิธีการตรวจสอบผู้ค้าสลากฯเดิมถึง 4 วิธี เนื่องจากต้องการให้ได้แหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ไม่ให้รายชื่อผู้ค้าสลากฯเดิมมีการตกหล่น ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นการตรวจเยอะ เพื่อตัดสิทธิผู้ค้าแต่อย่างใด ดังนั้นผู้ค้าสลากฯที่เป็นตัวจริงและขายในราคา 80 บาทไม่ต้องกังวลใจ สำนักงานสลากฯ พร้อมให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ โดยกระบวนการที่สำนักงานสลากฯ จะให้น้ำหนักมากที่สุด คือ การประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลและภูธรทั่วประเทศช่วยลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล ตรวจสอบหาผู้ขายตัวจริง เพราะวิธีนี้สามารถเห็นตัวผู้ค้าสลากฯที่ชัดเจนที่สุด ดูว่าใครขายอยู่จริง ที่ไหน และขายในราคา 80 บาทหรือไม่”

เกาไม่ถูกที่คัน

“วิษณุ วงศ์สินศิริกุล” นักวิชาการอิสระ ด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ศึกษาเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า แนวทางดังกล่าวของภาครัฐ เป็นเหมือนการเกาแต่ไม่ถูกที่คันเพราะต้นเหตุของปัญหาลอตเตอรี่เกินราคา ที่จริงเกิดมาจากการสามารถนำสลากฯไปขายเปลี่ยนมือได้ทำให้เกิดการเก็งกำไรและนำไปรวมชุดได้ ทั้งนี้ แนวทางที่สำนักงานสลากฯ พยายามทำทั้งหมดยังไม่ได้เข้าไปแก้ปัญหาตรงจุดนี้เลย เช่น ในส่วนของการเปิดลงทะเบียนผู้ค้าใหม่ จะรู้ได้อย่างไรว่าจะได้ตัวผู้ค้าตัวจริงมา หรือหากได้ผู้ค้าตัวจริงแล้วอนาคตต่อไปจะมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่มีการนำสลากฯไปขายต่อหากได้ราคาที่จูงใจ

ส่วนนโยบายการเปิดแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” เพื่อให้สามารถขายลอตเตอรี่ได้ด้วยนั้น โดยส่วนตัวแล้ว มองว่า เป็นแนวทางที่ดีแต่อาจเป็นข้อจำกัดต่อผู้ซื้อและผู้ขายบางกลุ่มที่ไม่มีความชำนาญเทคโนโลยีอาจเข้าไม่ถึงสลาก 80 บาทได้ และอาจหันไปเลือกซื้อหวยใต้ดินหรือเล่นการพนันชนิดอื่นแทน เช่นเดียวกันกับการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปทลายกลุ่มผู้ค้าสลากฯออนไลน์รายใหญ่ ก็มองว่าเป็นการแก้ปัญหาเพียงชั่วคราวเพราะต่อไปอาจเกิดแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหม่ขึ้นได้ รวมถึงตัวการในการทำสลากฯรวมชุดก็ยังไม่ได้เห็นเข้าไปตรวจสอบแก้ไขได้ชัดเจนเท่าไรนัก ซึ่งโจทย์หลักหากแก้การเปลี่ยนมือสลากฯได้ก็ช่วยลดปัญหานี้ได้มากกว่า

ห่วงลูบหน้าปะจมูก

ประสาน น้อมจันทึกตัวแทนกลุ่มสลาก 5 ภาค มองว่า โดยรวมแล้วถือเป็นแนวทางที่ดี หากทำทั้งหมดได้จริง แต่กลัวว่าการแก้ไขปัญหาจะเหมือนลูบหน้าปะจมูก เช่น การบุก มังกรฟ้า กองสลากพลัส ซึ่งมีรายชื่อผู้ค้าเกี่ยวข้อง 13,000 ราย รวมถึงการที่ไปตรวจจับไปรษณีย์ ที่วังสะพุง จ.เลย ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้อง 400 ราย ถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่ามีการถูกตัดสิทธิไปหรือยัง มากน้อยแค่ไหน ซึ่งกลัวว่าถ้าไม่ตัดสิทธิจริง คนก็ไม่กลัว การตรวจไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งถ้ามีการตัดจริง ผิดก็ต้องว่าตามผิด ก็จะทำให้คนกลัวและช่วยคนขายตัวปลอมค่อยหายไปจากระบบ

“เรื่องการตรวจสอบผู้ค้าตัวจริง เป็นสิ่งที่คนขายอยากให้ทำมานานแล้ว ซึ่งการลงพื้นที่ของตำรวจไปดูจุดแจ้งจำหน่าย การสอบถามข้อมูลการขาย รวมถึงการขอข้อมูลผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นแนวทางที่ดี ที่ยอมรับได้  โดยคนขายจริงจะไม่กลัวการตรวจสอบอยู่แล้ว และพร้อมให้ตรวจอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามแนวทางการให้สแกนคิวอาร์โค้ดจะมีปัญหาทำได้ยาก โดยเฉพาะคนต่างจังหวัดขายตามหมู่บ้าน  เพราะเป๋าตังยังไม่มีการใช้อย่างแพร่หลาย  และคนก็ไม่อยากเติมเงินเข้าไป  ซึ่งทางที่ดีอยากเสนอให้สำนักงานสลากฯ เปิดให้สแกนคิวอาร์โค้ดใช้ได้ทุกธนาคารจะดีมาก เพราะซื้อง่ายขายคล่องมากขึ้น.