การเมืองสนามใหญ่ช่วงนี้ ต้องหลีกทางให้กับการเมืองสนามผู้ว่าฯ กทม. ที่คึกคักมาก หลังจากอัดอั้นมา 9 ปี ซึ่งผลการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ จะเป็นตัวชี้ชะตาถึงอนาคตทางการเมืองในสนามใหญ่ เพราะไม่ว่าจะเป็น “ตัวเต็ง” คนไหน คว้าชัย ก็จะชี้ถึงอนาคตของพรรคการเมืองนั้น ในสนามเลือกตั้ง ส.ส.กลางปี 66 ซึ่งค่อนข้างแน่ชัดแล้ว ในแกนนำระดับสูงของพรรคร่วมรัฐบาล ล้วนประสานเสียงตรงกันว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะอยู่จนครบวาระ 4 ปี ไม่มีการยุบสภา หลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปค ปลายปี 65

ดังนั้นใน เดือนเม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวงรอบในการประชุมสามัญของพรรคการเมือง ที่ทุกพรรคต้องขยับ ตามกฎ กติกา ของ กกต. โดยเฉพาะพรรคใหญ่ อย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้การนำของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จัดประชุมที่ จ.นครราชสีมา วันที่ 3 เม.ย. ปรับโครงสร้างพรรคเสริมทัพ “ทหารเฒ่า” นายทหารคนสนิทของ “บิ๊กป้อม” เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค แบบเต็มตัว ไม่ต้องไปหลบๆ ซ่อนอยู่แถว มูลนิธิป่ารอยต่อฯ อย่าง “เสธ.โย” พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เป็นอนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นอดีตฝ่ายเสนาธิการของ “บิ๊กป้อม” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม กับ “บิ๊กอี๊ด” พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่เคยถูกตั้งข้อสังเกตว่า มีบทบาทเบื้องหลังในทางการเมืองพื้นที่ภาคอีสาน ในช่วงการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

พร้อมๆ กับการประกาศสู้ของ “แม่บ้านป้ายแดง” อย่าง นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. ที่ประกาศกวาด ส.ส. 150 เสียง ขึ้นไปศึกเลือกตั้ง เป็นการประกาศฐานที่มั่นว่า “บิ๊กป้อม” ไม่ย้ายไปพรรคสำรองของ “ผู้กองคนดัง” ตามที่มีข่าวลือก่อนหน้านั้น เพราะตรงนั้นคือพรรคสาขาที่ กดปุ่ม ได้อยู่แล้ว!!

ขณะที่ในงานทำบุญวันเกิดของ 2 พรรคการเมือง วันที่ 6 เม.ย. โดย พรรคประชาธิปัตย์ ครบ 76 ปี ซึ่ง “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลั่นพรรคอยู่มาถึงวันนี้ได้เพราะอุดมการณ์ มั่นใจอยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย แต่ก็ยังไม่กล้าประเมินว่าจะได้ ส.ส.มากกว่า 50 เสียง เพราะขึ้นกับเสียงสวรรค์คือประชาชน

ส่วน พรรคภูมิใจไทย ที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 14 วัยทีนเอจ ที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดแคมเปญ “พูดแล้วทำ” นับถอยหลัง 11 เดือนเข้าโหมดเลือกตั้ง โดยตั้งใจส่งให้ครบทุกพื้นที่ น้นล็อกเป้าชัวร์ๆ ตามสไตล์ “เซาะกราว” ณ วันนี้ “ภท.” มองไปที่การตั้งรัฐบาลสมัยหน้าแล้ว

แต่ที่น่าจับตาคือปฎิบัติการ “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เล็งยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเป็นโมฆะ เพราะหากอภินิหารทางกฎหมายเกิดขึ้นจริง เห็นที พรรคเพื่อไทย ก็ต้องออกอาการร้อนๆ หนาวๆ เพราะ “แลนด์สไลด์” อาจไปไม่ถึงดวงดาว

และคงต้องนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนเลือกตั้งปี 62 กับคำพูดของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”

แล้วทำไมการเลือกตั้งปี 66 การแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้ จะไม่ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา…อีกครั้ง??.