สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีอับดรับบูห์ มานซูร์ ฮาดี ผู้นำรัฐบาลพลัดถิ่นของเยเมน ซึ่งลี้ภัยอยู่ที่กรุงริยาด และได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ปลดนายพลอาลี โมห์เซ็น อัล-อาห์มาร์ พ้นจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี

ประธานาธิบดีอับดรับบูห์ มานซูร์ ฮาดี ประกาศถ่ายโอนอำนาจให้แก่สภาประธานาธิบดีของเยเมน

ขณะเดียวกัน ผู้นำเยเมนประกาศ การสละอำนาจของฝ่ายบริหารให้แก่สภาประธานาธิบดี โดยยืนยันว่า เป็นกลไกอำนาจตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญเยเมน นับจากนี้ คณะผู้บริหารของสภาประธานาธิบดี จะปฏิบัติหน้าที่ในนามประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี

หลังเสร็จสิ้นการแถลงไม่นาน ซาอุดีอาระเบียประกาศมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่เยเมน มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 66.96 ล้านบาท) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อีก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33.48 ล้านบาท)

นายราชาด อัล-อาลิมี ประธานสภาประธานาธิบดีของเยเมน เข้าเฝ้า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่กรุงริยาด

ขณะที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย พระราชทานพระราชวโรกาส ให้นายราชาด อัล-อาลิมี ประธานสภาประธานาธิบดีของเยเมน เข้าเฝ้า ที่พระบรมมหาราชวัง ในกรุงริยาด

ปัจจุบัน เยเมนอยู่ในสัปดาห์แรกของการหยุดยิงเป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของเดือนรอมฎอน โดยการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวถือว่า เป็นหารสงบศึกครั้งสำคัญที่สุด นับตั้งแต่ปี 2559 มีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทำหน้าที่คนกลาง ระหว่างซาอุดีอาระเบีย กับกลุ่มกบฏฮูตีที่ปกครองกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน และรัฐบาลพลัดถิ่นของเยเมน

อนึ่ง เป็นที่ทราบกันดีว่า สงครามกลางเมืองในเยเมน คือ “สงครามตัวแทน” ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน ถือเป็นวิกฤติด้านมนุษยธรรมครั้งเลวร้ายที่สุดของโลกในปัจจุบัน ตามการประเมินของยูเอ็น โดยจำนวนผูเสียชีวิตจากการสู้รบครั้งนี้ อยู่ที่มากกว่า 377,000 ราย และประมาณ 45% ของประชากรในเยเมน คิดเป็นประมาณ 16.2 ล้านคน ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วนที่สุด.

เครดิตภาพ : REUTERS