นายจิรุตม์ วิศาลจิต อธิบดีกรมขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดประมูลหมายเลขทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน จำนวน 84 หมายเลข ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) และทางเว็บไซต์ www.tabienrod.com พบว่าได้มีประมูล 82 หมายเลข เนื่องจากอีก 2 หมายเลข ไม่มีผู้มาวางเงินหลักประกันและลงทะเบียนล่วงหน้า

ในการประมูลป้ายทะเบียนพิเศษจำนวน 82 หมายเลขนั้น ได้เกิดระบบขัดข้องในระหว่างที่มีการประมูล ทำให้ประมูลได้เพียง 63 หมายเลข ส่วนอีก 19 หมายเลข ซึ่งค้างที่การประมูล เช่น มรรค 8 ที่มีผู้ประมูลอยู่ที่ 2,280,000 บาท โดยได้มีการเลื่อนจะนำออกไปประมูลในวันที่ 22 เม.ย.นี้ สำหรับ 5 หมายเลขที่มียอดประมูลมากที่สุด ได้แก่ “รวย 9999” ประมูลอยู่ที่ 18.5 ล้านบาท “เศรษฐี 1” ราคาประมูลอยู่ที่ 15.4 ล้านบาท “สวย 1” ราคาประมูลอยู่ที่ 13 ล้านบาท “เศรษฐี 8” ประมูลอยู่ที่ 12.6 ล้านบาท และ “รวย 8888” ราคาประมูล 11.1 ล้านบาท ส่วน 63 ป้ายที่ประมูลแล้วเสร็จ คิดเป็นเงิน 282 ล้าน ซึ่งยังเหลืออีก 19 ป้ายทะเบียนที่จะเลื่อนประมูลในวันที่ 22 เม.ย.65 ซึ่งคาดว่าจะมียอดประมูลประมาณ 20-30 ล้าน

นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า สำหรับการประมูลป้ายทะเบียนพิเศษพบว่ามีผู้ที่สนใจร่วมลงทะเบียนรวม 595 ราย แบ่งเป็นร่วมประมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 308 ราย และการประมูลด้วยวาจาที่ห้องประมูล 287 ราย โดยเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษ ที่สามารถมีตัวอักษรมากกว่าสองตัวหรือมีตัวอักษรผสมสระหรือวรรณยุกต์ รวมกับหมายเลขทะเบียนไม่เกิน 7 หลัก นำมาเปิดประมูล ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เพื่อนำไปส่งเสริมกิจกรรมทางด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เรื่องนี้ต้องให้เครดิตนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่ได้มีการเรียก ขบ. เพื่อหารือและให้นโยบายควรมีการจัดทำป้ายทะเบียนพิเศษออกประมูล เจ้าของรถสามารถกำหนดหมวดเป็นชื่อที่ต้องการ และกำหนดตัวเลขเองได้ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจองขอใช้ชื่อและตัวเลขที่ต้องการ ซึ่งมีหลายประทศที่ทำในลักษณะดังกล่าว เช่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และฮ่องกง เป็นต้น ซึ่ง ขบ. ได้รับนโยบายมาดำเนินการต่อตั้งแต่แนวทางด้านกฎหมาย เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ มาถึงวันนี้ถือว่าเกินความคาดหมาย จากที่เดิมที่ตั้งเป้าก่อนประมูลไว้ที่ 100 ล้านบาท คาดว่าการประมูลครั้งนี้จำนวน 82 หมายเลข จะทำให้มีรายได้ถึง 300 ล้านบาทอย่างแน่นอน 

นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีผู้สอบถามว่าจะมีการเปิดประมลูในครั้งหน้าหรือไม่นั้น หากมีผู้ที่สนใจร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก จะมีการเปิดประมูลภายในเดือนถัดไป ซึ่งจะมีการรวบรวมความเห็นของประชาชนและความสนใจของประชาชน จะมีการประมูลต่ออย่างแน่นอน