จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า มีน้องคนนึงมาปรึกษาว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม หอมแก้ม กอดจูบ จับก้นโดยไม่สมยอม เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับเพราะนักการเมืองคนนี้มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง โดยหลอกว่าจะพามาคุยเรื่องงานและสอนน้องเรื่องหุ้น เศรษฐศาสตร์ แต่พอมาจริงกลับคุยแต่เรื่องเพศ และลวนลามต่างๆ นานา ซึ่งคุณแม่ของน้องได้ปรึกษา กระทั่งได้แนะนำให้แจ้งความดำเนินคดี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

พรรคไหน!ทนาย “ตั้ม”เผยมีน้องมาปรึกษา ถูกรองหน.พรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม

ทนาย “ตั้ม”ขยี้ต่อรองหน.พรรคการเมืองใหญ่ เคยลวนลามผู้หญิงหลายครั้ง

‘เดลินิวส์ออนไลน์’ จึงไปรวบรวมข้อกฎหมาย กรณีที่นักการเมืองมีส่วนกระทำความผิด ซึ่งพบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ ประกอบด้วยข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑

ตาม มาตรฐานทางจริยธรรมฯ ดังกล่าวที่ใช้บังคับกับ ครม., ส.ส., ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 วรรคสอง หมวด 2 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ 20 บัญญัติ ห้ามกระทําการอันมีลักษณะเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ จนเป็นเหตุทําให้ผู้ถูกกระทําได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรือกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยผู้ถูกกระทําอยู่ในภาวะจําต้องยอมรับในการกระทํานั้น ไม่นําความสัมพันธ์ทางเพศที่ตนมีต่อบุคคลใดมาเป็นเหตุหรือมีอิทธิพลครอบงําให้ใช้ดุลพินิจในการปฏิบัติหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด

ถ้าเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต้องส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช. ไต่สวน ถ้า ป.ป.ช. เห็นว่าฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริย
ธรรมอย่างร้ายแรง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย ถ้าศาลพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหาทำผิดตามที่ ถูกกล่าวหา โทษคือ (1)
ให้พ้นจากตําแหน่ง (2) ให้เพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป (3) เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกําหนดเวลาไม่เกิน 10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้

ขณะที่โทษทางอาญาแผ่นดิน จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278  “ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” เปรียบเทียบจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2550 การกระทำอนาจาร คือ การกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศ เพียงแต่กอดจูบลูบคลำ แตะต้องเนื้อตัวร่างกายในทางไม่สมควรก็เป็นการอนาจารแล้ว 

อีกทั้ง คำพิพากษาฎีกาที่ 873/2563 การกระทำอันไม่สมควรทางเพศก็ไม่จำกัด เฉพาะว่าจะต้องเป็นเรื่องในทางประเวณีหรือความใคร่เท่านั้น แม้เพียงสัมผัสใกล้ชิด เพื่อสร้างความพึงพอใจในทางเพศก็ถือว่าเป็นการไม่สมควรแล้ว โดยเฉพาะหากการกระทำนั้นเกิดขึ้นในที่ลับสายตา พฤติการณ์ของจำเลยที่อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมา โอบไหล่โจทก์ร่วมโดยมือทาบอยู่เหนือหน้าอกโจทก์ร่วมอย่างไม่มีเหตุผลที่สมควรต้องกระทำเช่นนั้นในขณะเมื่ออยู่กับโจทก์ร่วมตามลำพัง จึงยากจะเชื่อว่าเป็นการแสดงออกถึงความรักที่ครูมีต่อศิษย์ตามปกติ หากเป็นการฉวยโอกาสของจำเลยที่ได้รับรสสัมผัสจากเนื้อตัวร่างกายของโจทก์ร่วมมากกว่า บ่งชี้ชัดว่าจำเลยมีความพึงพอใจ ในทางเพศจากการได้อยู่ใกล้ชิดสัมผัสเนื้อตัวร่างกายเด็กนักเรียนหญิงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้.