เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่สำนักงาน กพ. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้เข้าพบ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อกราบลาและยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป สืบเนื่องจากมีคลิปหลุดการพูดคุยกับนางจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมืองประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่องโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหากับนายกรัฐมนตรี ว่าใช้อำนาจหน้าที่ในการปกป้องตนเอง ซึ่งตนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่านายกฯ ไม่มีการปลดหรือบีบบังคับให้ลาออก เป็นความประสงค์ของตนเองในการลาออก เพื่อพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม

“ตลอด 30 ปี ผมยืนยันไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการทุจริตประพฤติมิชอบต่อประเทศชาติและประชาชน และไม่เคยมีผลประโยชน์แอบแฝง จึงไม่อยากให้คนดีๆ อย่างนายกรัฐมนตรี ต้องมาด่างพร้อยเพราะตนเอง อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่โอกาสได้เข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ยืนยันจะยืนหยัดต่อสู้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนฟังตามแนวทางปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” นายเสกสกล กล่าว

นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ส่วนตัวมั่นใจว่าหากสลากกินแบ่งรัฐบาลดำเนินตามแนวทางของอนุกรรมการ ที่ตนเป็นประธานจะสามารถแก้ไขปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาได้อย่างแน่นอน ซึ่งถือว่าสิ้นสุดการทำงานของตนเองแล้ว ส่วนการดำเนินคดีได้แจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต เพื่อนำทุกคนที่เกี่ยวข้องในการอัดคลิปเสียงมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด และในวันที่ 19 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกบุคคลที่ชื่อ “กิ๊ก” ที่นางจุรีพรได้อ้างถึงมาสอบสวนสอบปากคำ ใครที่ไม่ประสงค์ดีหวังบ่อนทำลายชื่อเสียง จะขอใช้สิทธิส่วนตัวดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อไม่ให้ทำกับคนอื่นอีก

นอกจากนี้นายเสกสกล เปิดเผยว่าส่วนเรื่องการตั้งพรรคการเมืองที่ตนเองเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอยุติไว้ก่อน เพราะตนไม่ได้มีตำแหน่งในพรรค เป็นเพียงผู้ก่อตั้ง หลังจากนี้ขอใช้เวลาเคลียร์ตัวเองให้บริสุทธิ์ ถ้าพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ ก็พร้อมกลับมาทำงานการเมือง และทำพรรครวมไทยสร้างพรรค ถ้าไม่มีคนทำ

“ผมยืนยันแม้จะอยู่ข้างนอกการเมือง ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ก็จะยังทำหน้าที่ตอบโต้แทนนายกฯ ต่อไป เพราะผมรักนายกฯ และยืนยันจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย” นายเสกสกล กล่าว.